นักศึกษาวิชาทหาร 25,000 นาย พร้อมใจตบเท้าเติมเลือดครั้งยิ่งใหญ่ สู่สภากาชาดไทย รองรับ 7 วันอันตราย เทศกาลปีใหม่ ด้วยน้อมรำลึกในหลวงรัชกาลที่ 9 บำเพ็ญตนเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ผ่านการเสียสละโลหิตต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์
ที่หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน พลโท ทวีพูล ริมสาคร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน(ผบ.นรด.) ร่วมกับ นางสาวปิยนันท์คุ้มครอง ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านจัดหาโลหิตและภาพลักษณ์องค์กร ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติสภากาชาดไทย และ พันเอกกฤตภาส โตจำเริญ รองเสนาธิการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ร่วมแถลงข่าว การจัดกิจกรรมเติมโลหิตครั้งใหญ่ให้สภากาชาดไทยโดย นักศึกษาวิชาทหาร (รด.) จิตอาสา 25,000 นาย “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” เพื่อน้อมรำลึก ในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 5 ธ.ค. 2566 และถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเจริญพระชนมายุครบ 6 รอบ 72 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2567
//// พลโท ทวีพูล กล่าวว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นการเชิญชวนให้นักศึกษาวิชาทหารทั่วประเทศที่มีอายุตั้งแต่ 17 ปีขึ้นไป โดยต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง ซึ่งเป็นผู้ที่มีความพร้อมทางร่างกายและมีความสมัครใจเข้าร่วมการบริการโลหิต ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเสียสละอันยิ่งใหญ่ที่บุคคลหนึ่งจะสามารถทำได้ในการช่วยเหลือต่อความหวังต่อชีวิตให้กับผู้อื่นอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งการบริจาคโลหิตในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการเตรียมโลหิตให้แก่สภากาชาดไทยเพื่อสนับสนุนการรักษาพยาบาล ผู้ป่วยในโรงพยาบาลต่างๆทั่วประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุสูงและมีความต้องการโลหิตจำนวนมาก
โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ วันที่ 12 ธันวาคม 2561 ต่อเนื่อง ไปจนตลอดปี 2567 ทั้งในส่วนภูมิภาค ณ มณฑลทหารบกต่างๆ และในส่วนกลาง ณ โดมวรรณสมิต ศูนย์การนักศึกษาวิชาทหาร ซึ่งจะมี พลเอกเจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในการเปิดกิจกรรม ซึ่งคาดว่าในวันดังกล่าวจะได้โลหิตมากกว่า 25,000 ถุง นับเป็นการบริจาคโลหิตครั้งยิ่งใหญ่อย่างเป็นทางการในนามของนักศึกษาวิชาทหารซึ่งในการนี้ทางหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ต้องการฝึกเยาวชนให้เป็นต้นแบบคนอื่นๆ ในการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม โดยเฉพาะการสละเลือดของตนเองเพื่อนำไปต่อชีวิตให้กับคนอื่น ในโอกาสนี้จึงอยากจะเชิญชวนนักศึกษาวิชาทหาร อดีตนักศึกษาวิชาทหารที่ผ่านการฝึก และประชาชนทั่วไปมาร่วมบริจาคโลหิตให้กับสภากาชาดไทย
ในขณะที่ นางสาวปิยนันท์ กล่าวว่าถึงสถานการณ์ เลือดในปัจจุบันที่ได้รับบริจาคมาทั้งหมด 40% จะส่งต่อให้กับโรงพยาบาลต่างจังหวัด ส่วนที่เหลือจะหมุนเวียนในส่วนกลาง ซึ่งในแต่ละวันต้องใช้เลือดเดือนละ 200,000 ยูนิต การจัดกิจกรรมครั้งนี้ถือว่าสำคัญเพราะเป็นการปลูกฝังเยาวชน ซึ่งเป็นกลุ่มที่สามารถบริจาคโลหิตได้ยาวนาน เริ่มต้นอายุ 17 ปีไปจนถึงอายุ 70 ปี นอกจากนี้ยังเป็นการปลูกฝังค่านิยมเรื่องจิตอาสา ซึ่งทำให้สภากาชาดไทยมีเลือดสำรองให้ประชาชนทั้งประเทศ เพื่อพร้อมรับสถานการณ์ในช่วง 7 วันอันตราย อย่างเช่นเทศกาลปีใหม่ และสงกรานต์.
สัมฤทธิ์ ล้ำเลิศ/ฉะเชิงเทรา