ทวีแย้ม 7 พ.ค.66 เลือกตั้ง พร้อมลุยเปิดศูนย์ประสานงานชุมชนไทยพุทธ หวังหลวมรวม 2 ศาสนา ช่วยสร้างชาติหากเป็นฝ่ายรัฐบาล
เมื่อเวลา 15.00 น. วานที่ 6 ม.ค.66 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ได้เดินทางมาเปิดศุนย์ประสานงานพรรคประชาชาติ จ.นราธิวาส เขต 5 ที่บ้านควน ม.6 ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส โดยมี พล.ต.ท.พัฒนาวุธ อังคะนาวิน อดีต ผบช.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ นายธนาวิทย์ ไชยานุพงศ์ อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองนราธิวาส ในฐานะกรรมยุทธศาสตร์พรรคประชาชาติ รวมทั้งนักการเมืองท้องถิ่น และหัวคะแนนพรรคประชาชาติ คอยให้การต้อนรับ
ซึ่งการเปิดศูนย์ประสานงานพรรคประชาชาติในครั้งนี้ มีชาวบ้านไทยพุทธและมุสลิม ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตการเลือกตั้งที่ 5 อำเภอสุไหงปาดี แว้งและสุคิริน จำนวนกว่า 300 คน ได้เดินทางมาร่วมพิธี พร้อมทั้งได้รับฟังนโยบายของพรรคที่ประชาชนส่วนใหญ่ต่างคิดเป็นในทิศทางเดียวกันว่า เป็นพรรคการเมืองของชาวไทยมุสลิม เนื่องจากการเลือกตั้งที่ผ่านมาถือว่าในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พรรคประชาชาติได้ ส.ส.มากที่สุด จาก 11 เขต ได้ถึง 6 คน ส่วนที่เหลือเป็น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย
โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ได้ถือโอกาสขอคะแนนเสียงจากประชาชนที่เข้าร่วมรับฟังนโยบาย พอมีสรุปใจความว่า ในวันที่ 7 พฤษภาคม 66 ที่จะถึงนี้ประชาชนจะได้ใช้สิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งอีกครั้ง พรรคประชาชาติต้องเป็นสถาบันของประชาชน จะได้แก้ปัญหาให้กับประชาชนได้ถูกจุด ทุกคนจะมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาทุกกรณี ทั้งเรื่องปากท้อง ที่ดินทำกิน การเรียนฟรีโดยเฉพาะการปลดหนี้ กยส. โดยที่ไม่ต้องใช้หนี้แต่ต้องทำประโยชน์ให้รัฐเป็นการปลดหนี้ไปในตัวงาน ส่วนกรณีการใช้งบแก้ปัญหาความมั่นคงเกือบ 5 แสนล้านบาทนั้น มันสูญเปล่าเอาเงินส่วนนี้มาใช้แก้ไขปัญหาร่วมกับประชาชน คิดว่าจะได้ผลตามเป้าหมายที่วางไว้มากกว่า อีกประการในเรื่องของ30 บาทรักษาทุกโรคปัจจุบันมันจะต้องปรับเปลี่ยนขยายวงเงินให้มากขึ้น และที่สำคัญเงินตอบแทนผู้สูงอายุคือ 60 ปี ขึ้นไปต้องได้คนละ 3,000 บาท มันถึงจะเพียงพอต่อยุคโลกาภิวัฒน์ ยกตังอย่างประเทศมาเลเซียผู้สูงอายุจะได้เงินคนละ 3,500 ริงกิต หรือเทียบเงินไทย จะได้ถึงคนละ 35,000 บาท ทุกอย่างต้องทำปลดทุกข์ให้กับประชาชน เมื่อทุกอย่างพร้อมประชาชนก็จะได้มีความพร้อมที่จะร่วมในการพัฒนาบ้านเมืองไปกับรัฐบาล
ก่อนเดินทางกลับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า พรรคประชาชาติอาจจะมีอัตลักษณ์พิเศษคือ เป็นพรรคพหุวัฒนธรรมไม่ว่าจะเป็นคนเชื้อชาติใดศาสนาใดที่มีความแตกต่างหลากหลาย เรามองว่าเป็นประชาชาติเดียวกันพรรคประชาชาติจึงอยากเป็นพรรคของประชาชน สรุปกว้างๆพรรคประชาชาติเราเกิดในภาคใต้ตอนล่าง แต่จริงๆเราต้องการเป็นพรรคของคนทั้งประเทศ ไม่ว่าคนจะอยู่ส่วนไหนจะมีพื้นที่ทางการเมืองไปสู่อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหารและอำนาจตุลาการ ซึ่งเป็นดอกาสหนึ่งที่ทำให้ประชาชนทุกศาสนิกได้มีสถายันทางการเมืองของตนเอง
นอกจากนี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ ยังกล่าวอีกด้วยว่า ปัญหาใหญ่ที่สุดของประชาชนก็คือ เรื่องเศรษฐกิจคุณภาพชีวิตเรื่องปากท้อง
โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในตลอดเกือบ 20 ปี มีเหตุการณ์ปล้นปืนที่นราธิวาส รัฐบาลได้เอางบประมาณมาเพื่อแก้ปัญหาภาคใต้ 5 แสนล้านย่นหน่อย แต่พอแกไปเราก็ยังพบว่าเรื่องใหญ่ที่สุด ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วม เป็นเรื่องฝ่ายความมั่นคงเป็นผู้คิด ถ้าเรามีพื้นที่ให้ประชาชนเงิน 5 แสนล้านนี้ น่าจะอยู่ดีมีสุขมากกว่านี้ กลับกลายเป็นจังหวัดนราธิวาสยากจนที่สุดเมื่อปีที่แล้ว แต่ปีนี้เป็นอันดับที่ 2 โดนปัตตานีชิงไป
แต่ถึงอย่างไร พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาติ ได้กล่าวทิ้งท้ายอีกด้วยว่า ที่ผ่านมาเราเป็นตัวของตัวเองเราจะเห็นว่า ส.ส.ของประเทศไทยทุกอยู่ภาคใต้ทั้งหมด ปรากฏว่าเป็นฝ่ายรัฐบาลหมด แต่พรรคประชาชาติเป็นพรรคฝ่ายค้าน การเป็นพรรคฝ่ายค้านจะเป็นปากเป็นเสียงตัวแทนของประชาชน 4 ปีที่ผ่านมาเราได้รู้ว่าเราจะช่วยเหลือประชาชนได้อย่างไร ในครั้งนี้พรรคประชาชาติเชื่อมั่นพรรคไหนมาชวนอย่างไรเราก็จะไปคุยกับประชาชน ว่าเลือกเรามาแล้วเราก็ไปร่วมกับรัฐบาล แม้เราเป็นพรรคเล็กปัญหาภาคใต้เป็นเรื่องของคนทั้งชาติทั้งอาเซียนทั้งโลก เราต้องมีส่วนร่วมไม่ใช้คนถือปืนไปคุยกับคนถือปืน
นายปรีชา สถิตเรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา