“ รอง ผบ.ตร. เผย ปีใหม่ 2566 อุบัติเหตุและผู้เสียชีวิตลดลงตามเป้าหมาย บังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลักกว่า 500,000 ราย จับกุมเมาแล้วขับ 22,439 คดี พร้อมปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนฯ”
วันนี้ (5 ม.ค. 65) เวลา 11.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุฯ ตร. , พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.วีระ จิรวีระ รอง จตช. แถลงผลการดำเนินการในการอำนวยการจราจร ป้องกันและลดอุบัติเหตุ และการบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก ช่วงควบคุมเข้มข้น 7 วัน เทศกาลปีใหม่ 2566 พร้อมปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนฯ ตร.
พล.ต.อ.รอยฯ เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการเดินทางให้กับประชาชน และเน้นบังคับใช้กฎหมายโดยเฉพาะข้อหาเมาแล้วขับ เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่ ที่ผ่านมานั้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนฯ ตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค.65 เป็นต้นมาจนถึงวันสุดท้ายคือ 5 ม.ค.66 ซึ่งทุกวันจะมีการติดตามสถานการณ์การจราจร และการปฏิบัติของแต่ละหน่วย ผ่านระบบ VDO Conference โดยมี พล.ต.อ.รอยฯ รอง ผบ.ตร. และ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่รับผิดชอบงานจราจร เป็นผู้กำกับดูแลในแต่ละวัน และให้หน่วยระดับ บช., ภ.จว. และทุกสถานีตำรวจเฝ้าฟัง ทั้งนี้เพื่อลดอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ ตามค่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด โดยผลการดำเนินการในแต่ละด้าน มีดังนี้
1. การอำนวยความสะดวกและจัดการจราจร จัดกำลังตำรวจกว่า 50,000 นาย ดูแลการจราจรตลอด 7 วัน มีปริมาณรถ เข้า-ออกจาก กทม. รวมจำนวน 7,199,251 คัน ออกจาก กทม. จำนวน 3,428,939 คัน และเข้า กทม. จำนวน 3,770,312 คัน วันที่ประชาชนเดินทางออกจาก กทม. มากที่สุด คือวันที่ 29 ธ.ค.65 วันที่ประชาชนเดินทางเข้า กทม. มากที่สุด คือวันที่ 3 ม.ค.66 มีการเปิดช่องทางพิเศษ (Reversible Lane) จำนวนทั้งสิ้น 117 ครั้ง (ระบายรถขาออก 51 ครั้ง / ขาเข้า 66 ครั้ง)
รถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ที่ขออนุญาตเดินรถในช่วงเวลาห้าม ผ่านระบบออนไลน์ จำนวน 23,587 คัน อนุญาตให้เดินรถได้ 23,007 คัน (รถที่ได้รับอนุญาตมากที่สุด คือ รถบรรทุกน้ำมันหรือแก๊ส (ร้อยละ 47.43) รองลงมา คือ รถบรรทุกอาหาร เครื่องอุปโภค บริโภค (ร้อยละ 44.80) ) ไม่อนุญาตจำนวน 580 คัน และพบผู้ฝ่าฝืนเดินรถในเวลาห้าม จำนวน 228 ราย เนื่องจากเป็นสาเหตุให้การจราจรติดขัด
2. การบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก มีการตั้งจุดตรวจทุกวันเพื่อบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืน ทั่วประเทศ มีจำนวนจุดตรวจกวดขันวินัยจราจร 2,142 จุดตรวจ จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ 1,629 จุดตรวจ พบผู้ที่ ฝ่าฝืนทั้งสิ้น 518,367 ราย เป็น ข้อหาขับรถในขณะเมาสุรา 22,439 ราย (มากกว่าค่าเฉลี่ยปีใหม่ 3 ปีย้อนหลัง คิดเป็น 21.31 %) ขับรถเร็วเกินกำหนด 199,640 ราย/ไม่สวมหมวกนิรภัย 102,864 ราย/ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย 28,747 ราย โดย 10 ข้อหาหลักนี้ จะก่อให้เกิดอันตรายอย่างยิ่งต่อผู้ใช้รถใช้ถนนรายอื่น จึงจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการดำเนินคดีเมาแล้วขับ เป็นการนำผู้ขับขี่ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ซึ่งมีโอกาสก่ออุบัติเหตุออกจากท้องถนนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุได้จำนวน 22,439 คน
3. การป้องกันและลดอุบัติเหตุ รัฐบาลกำหนดค่าเป้าหมายให้ จำนวนครั้ง การเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้บาดเจ็บ (admit) ต้องลดลงไม่น้อยกว่า 5 % เมื่อเทียบกับสถิติในช่วงเทศกาลปีใหม่ เฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง (พ.ศ.2563-2565) ซึ่งจากการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ส่งผลให้สถิติอุบัติเหตุลดลงตามเป้าในทุกด้าน
-การเกิดอุบัติเหตุ 7 วันของเทศกาลปีใหม่ 2566 เกิดจำนวน 2,440 ครั้ง ลดลงจากค่าเฉลี่ยปีใหม่ 3 ปีย้อนหลัง (3,153 ครั้ง) เป็นจำนวน -713 ครั้ง (ลดลง -22.61 %)
– จำนวนผู้เสียชีวิต 7 วันของเทศกาลปีใหม่ 2566 มีจำนวน 317 ราย ลดลงจากค่าเฉลี่ยปีใหม่ 3 ปีย้อนหลัง (366 ราย) เป็นจำนวน -49 ราย (ลดลง -13.39 %)
– จำนวนผู้บาดเจ็บ 7 วันของเทศกาลปีใหม่ 2566 มีจำนวน 2,437 คน ลดลงจากค่าเฉลี่ยปีใหม่ 3 ปีย้อนหลัง(3,165 คน) เป็นจำนวน -728 คน (ลดลง 23.00 %)
ทั้ง 3 สถิติถือว่าลดลงมากกว่า 5% สำเร็จตามค่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด
ทั้งนี้ บช. ที่ลดจำนวนอุบัติเหตุทางถนนได้มากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ ตำรวจภูธรภาค 3 ,4, และ ภาค 2
บช. ที่ลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้มากที่สุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ ตำรวจภูธรภาค 9 ,3 , ลำดับที่สามเท่ากัน คือ บช.น. และ ภาค 6
จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต มีจำนวน 5 จังหวัด ได้แก่ บึงกาฬ สุโขทัย พังงา สตูล และ นราธิวาส
4. สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด ( 37.50%) ดื่มแล้วขับ (25.49%) และตัดหน้ากระชั้นชิด (18.69%) ประเภทรถที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ รถจักรยานยนต์ (82.11%) รถกระบะ (5.56%) และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล(3.24%) สำหรับพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บมากที่สุด คือ ไม่สวมหมวกนิรภัย (59.19 %) และดื่มแล้วขับ (20.41%)
พล.ต.อ.รอย ฯ กล่าวอีกว่า การอำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน เทศกาลปีใหม่ 2566 ตร. นั้น เป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ตำรวจอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ ลดอุบัติเหตุและการเสียชีวิตให้ได้มากที่สุด ซึ่งหลังจากนี้ ได้สั่งการให้ ทุกกองบัญชาการสรุปข้อมูลและถอดบทเรียน ปัญหาการปฏิบัติโดยเฉพาะวิเคราะห์สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ ทุกมิติ เพื่อนำมาใช้ในการป้องกันอุบัติเหตุและอำนวยการจราจรในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ 2566 ต่อไป