นราธิวาส-ฉก.นราธิวาส ร่วมกับองค์กรภาคประชาชน น้อมนำศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติจัดกิจกรรม“ลงแขกดำนาปลูกข้าวสืบสานวิถีพหุวัฒนธรรม
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2565 เวลา 0930 น. ที่แปลงนาข้าว หมู่ที่ 3 ตำบลมะรือโบตก อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส /ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นประธานกิจกรรม “ลงแขกดำนาปลูกข้าว สืบสานวิถีพหุวัฒนธรรม ส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง “ เพื่อเป็นการฟื้นฟูวิถีเกษตรกรรมสร้างความมั่นคงทางอาหารให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ โดยมี นางพาตีเมาะ สะดียามู รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นายกิตติพงษ์ อำพันธ์ นายอำเภอระแงะ พันเอก สิทธิชัย บำรุงเขต ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 พันโท สุกฤษฐ์ กาญจนคลอด รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 นายอับดุลฮาเร็ง เจ๊ะฮามะ ผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มองค์กรภาคประชาชนเพื่อสันติเศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดนราธิวาส (เสื้อเขียว) กลุ่มสตรี อสม. เด็ก ๆ เยาวชน และประชาชนในพื้นที่ ร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก
พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว กล่าวว่า อำเภอระแงะเป็นแหล่งปลูกข้าวของจังหวัดนราธิวาส เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ มีการปลูกสืบทอดกันจนเป็นวิถีชีวิต แต่ด้วยสภาพความเปลี่ยนแปลงของบริบทสังคมและพื้นที่ทำให้พื้นที่ทำนาลดลง แต่ข้าวเป็นพืชที่มีความสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางอาหารในครัวเรือนและชุมชน ดังกระแสพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อปี 2536 ว่า “ข้าวต้องปลูก เพราะอีก 20 ปี ประชากร 80 ล้านคน ข้าวจะไม่พอ ถ้าลดการปลูกข้าวไปเรื่อย ๆ ข้าวจะไม่พอ เราจะต้องซื้อข้าวจากต่างประเทศ เรื่องอะไร ประชาชนคนไทยไม่ยอมคนจะต้องมีข้าว แม้ข้าวที่ปลูกในเมืองไทยจะสู้ข้าวต่างประเทศไม่ได้เราก็ต้องปลูก…” พร้อมทั้ง ขอชื่นชมทุกภาคส่วนที่ร่วมกันจัดกิจกรรมลงแขกดำนาปลูกข้าว นอกจากจะเป็นการลดต้นทุนการผลิตแล้วยังเป็นการส่งเสริมความรัก ความสามัคคี การมีน้ำใจ เกิดการเรียนรู้ร่วมมือของคนในชุมชนที่อยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการเสริมสร้างสันติสุขอย่างยั่งยืน
ด้านนายสมบูรณ์ จิตรเพ็ญ ประธานองค์กรภาคประชาชนเพื่อสันติและเศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ร่วมกับองค์กรภาคประชาชน จัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้น เพื่อฟื้นฟู รักษา ลงแขกดำนาปลูกข้าว ประเพณีอันดีงามของสังคมซึ่งมีมาแต่อดีต รวมถึงมีการใช้จุลินทรีย์แทนสารเคมีเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญยังเป็นการน้อมนำศาสตร์พระราชาและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาสู่การปฏิบัติ ทั้งนี้ในอีก 6 เดือนข้างหน้าจะจัดกิจกรรมลงแขกเกี่ยวข้าวต่อไป
สำหรับกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นโดยความร่วมมือของหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส และองค์กรภาคประชาชนเพื่อสันติและ เศรษฐกิจพอเพียงจังหวัดนราธิวาส เพื่อสืบสานวิถีพหุวัฒนธรรม “ลงแขก ดำนาปลูกข้าว” ตลอดจนฟื้นฟูรักษา วิถีวัฒนธรรมที่แสดงออกถึง ความร่วมมือ ร่วมใจ ช่วยเหลือ เกื้อกูลกัน ของสังคมพหุวัฒนธรรมระหว่างไทยพุทธ และมุสลิมในพื้นที่ที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยาวนานในทุกๆด้าน โดยสร้างสังคมให้เกิดความผาสุกตามบริบทของสังคมพหุวัฒนธรรม กระตุ้นให้เกิดกลไก การจัดการ ชุมชน ตามธรรมชาติ พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ศักยภาพผู้นํา และประชาชนให้สอดคล้องกับบริบทพื้นที่ ทรัพยากร ภูมิปัญญา และวิถีชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ที่ต้องการให้พี่น้องประชาชน มีส่วนร่วมในกระบวนการเสริมสร้างสันติสุขอย่างยั่งยืน และพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ของประชาชนให้ดีขึ้น เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน นำมาสู่การอยู่ร่วมกัน อย่างสันติสุขที่แท้จริงในสังคม
ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์สำคัญ คือ การฟื้นฟู รักษา วิถี ลงแขกดำนาปลูกข้าว และการทํานาโดยใช้จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ และส่งเสริมการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม รวมถึงการแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ สู่แนวคิดความ เป็น “พลเมืองไทย ในบริบทสังคมพหุวัฒนธรรม” น้อมนําศาสตร์พระราชาและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาประพฤติปฏิบัติอย่างจริงจังตลอดจนกิจกรรมลงแขกดำนาปลูกข้าว เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สร้างให้ทั้ง 2 ศาสนาได้มีความรักความสามัคคีกันได้ ผลผลิตข้าวนำมาบริโภค และจำหน่ายสร้างรายได้แก่พี่น้องเกษตรกร อีกทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชุมชน ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และเป็นการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีดั้งเดิมของบรรพชนรุ่นก่อนให้คนรุ่นหลังหรือรุ่นปัจจุบันได้ปฏิบัติสืบเนื่องกันต่อไป นับว่าเป็นสิ่งที่ดี และที่สำคัญคือได้สร้างความมีส่วนร่วม ความสามัคคีปรองดองระหว่างพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมสืบไป
ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส