เมือง ไม้ขม
จาก”โรงเรียนอนุบาลที่”ปัตตานี”ถึง”กวนอิม”ที่ สงขลา สิ่งที่ต้องทบทวนคือ อะไรที่เป็น”พหุวัฒนธรรม”และอะไรคือ”สันติวิธี” และ หน่วยงานของรัฐอยู่ตรงไหนบนความ”ขัดแย้ง” ที่เกิดขึ้น
จากการที่ได้”ติดตาม” ความ”ขัดแย้ง”ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เป็นเรื่องสำหรับผู้ที่เป็น”ไทยพุทธ” และ”มุสลิม” มีอยู่ 2 เรื่องใหญ่ๆด้วยกัน และมองด้วยความเป็นห่วง ว่าความ”ขัดแย้ง” ที่เกิดขึ้น อาจจะ”ลุกลาม”ไปยัง”ภูมิภาค”อื่นๆของประเทศ และจะกลายเป็น”ปัญหาใหญ่” ของผู้ที่นับถือ”ศาสนา” ที่ต่างกัน ที่ อาจจะกลายเป็นความ”แตกแยก” ของคนใน”สังคม”ที่เป็นอีกปัญหาหนึ่งของประเทศ ในยุคที่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “ เป็น”นายกรัฐมนตรี”
วันนี้ เรื่องความ”ขัดแย้ง” ในกรณี”โรงเรียนอนุบาลปัตตานี” ยังอยู่ในการ”พิจารณา” ของ”ศาลปกครองกลาง “ตามการ”ฟ้อง”ของ “ทนายมุสลิม” เพื่อให้โรงเรียนยกเลิก “กฎระเบียบ” ในการแต่งกาย ที่ห้ามมิให้นักเรียนที่เป็น”มุสลิม” แต่งกายตามหลัก”ศาสนา” ซึ่งในโรงเรียนอื่นๆ หรือ สถานศึกษาอื่นๆทำได้ ตาม”กฎกระทรวง” ที่ กระทรวงศึกษาธิการ มีการแก้ไขก่อนหน้านี้
แต่สำหรับ “โรงเรียนอนุบาลปัตตานี” มีข้อ”ยกเว้น” เพราะเป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในที่ดินของ”วัด” ที่เป็น”ธรณีสงฆ์” ที่ต้องปฏิบัติตาม “กฎระเบียบ” ที่ เจ้าของที่ดินคือ”วัด” เป็นผู้ตั้ง”กฎระเบียบ”ไว้ และถือ”ปฏิบัติ” มานานกว่า 30 ปี โดยสังคมของคนในพื้นที่ และ “ผู้ปกครอง” ของ นักเรียนที่เป็น”มุสลิม”ที่ต้องการส่งให้ “บุตร-หลาน” ของตนเอง เรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ ยินดี ที่จะ ปฏิบัติตาม “กฎระเบียบ” ของ”วัด” ที่เป็นเจ้าของที่ดิน และไม่เคยมีความ”ขัดแย้ง”เกิดขึ้น ส่วน”ผู้ปกครอง” ที่ ต้องการให้”บุตร-หลาน” แต่งกายตามหลัก”ศาสนา” ก็มี”ทางเลือก” ด้วยการให้”บุตร-หลาน” เรียนยังโรงเรียนอนุบาลอื่นๆ ที่ ไม่มี”กฎระเบียบ” อย่างโรงเรียนอนุบาลปัตตานี
แต่…เมื่อมี “ผู้ปกครอง” 3-4 ราย ต้องการให้”บุตร-หลาน ที่เรียนอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้แต่งกายตามหลัก”ศาสนา” และ กรรมการสถานศึกษา ไม่ยินยอม เพราะต้องการให้ยึด”กฎระเบียบ”ที่มีอยู่ และ”ปฏิบัติ” มาโดยตลอด จึงกลายเป็นความ”ขัดแย้ง” ที่”ร้าวฉาน” และ”ลุกลาม” จากการ”พูดคุย”โดย”สันติวิธี” นำไปสู่การใช้”กฎหมาย” ในการ”ตัดสิน” ปัญหาของ โรงเรียนอนุบาลปัตตานี จึงกลายเป็น”เงื่อนไข” ความขัดแย้งในเรื่องของ”ศาสนา” ระหว่างคนที่นับถือ”ศาสนา” ที่ต่างกัน และมีการ”บานปลาย” ไปสู่ความ”ขัดแย้ง” ในประเด็นอื่นๆ ที่พร้อมจะถูก”หยิบยก” ข7hoมา”ตอบโต้” และ”ต่อสู้” ระหว่างกัน
เช่นเดียวกับเรื่องของการออกมา”คัดค้าน” การสร้างรูปของ”เจ้าแม่กวนอิม” ซึ่งเป็น”สัญลักษณ์” ของผู้คนที่นับถือ”ศาสนาพุทธ”ที่ “เอกชน”มีโครงการจะ”ก่อสร้าง” ในที่ดิน” ส่วนบุคคล “ในหมู่ที่ 1 ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา และมีการออกมา”คัดค้าน” จากผู้นำศาสนา และ โรงเรียนเอกชนสอนศาสนา เพื่อมิให้มีการ”ก่อสร้าง” โดยอ้างว่าใน บริเวณนั้น ไม่มี”ชุมชนไทยพุทธ” อาศัยอยู่
ล่าสุด มีการ”รวมตัว”ของผู้นำ”ศาสนา” ผู้บริหารโรงเรียนสอนศาสนา จำนวนหนึ่ง เพื่อประกอบพิธีทาง”ศาสนา” เพื่อขอให้”ยุติ” การสร้าง “องค์เจ้าแม่กวนอิม” เพราะ ผู้นำศาสนา และผู้บริหารโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา เห็นว่าไม่”เหมาะสม” ประเด็นนี้ ขณะนี้ได้กลายเป็นเรื่อง”ร้อนแรง” ในความรู้สึกของคน”ไทยพุทธ” ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งแน่นอนว่า ปัญหาการ”ก่อการร้าย” การแบ่งแยกดินแดน ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เกิดขึ้นยาวนานเกือบร้อยปี และ”ไฟใต้”ละลอกใหม่ ที่เริ่มก่อเหตุเมื่อปี 2547 เป็นต้นมา ในความ”รู้สึก” ของ คน”ไทยพุทธ” ส่วนใหญ่มองว่าเป็นเรื่องของ”มุสลิม” และมองว่า”มุสลิม” ในพื้นที่คือ”แนวร่วม” และมี”ทัศนคติ” ว่าเป็น”จำเลย” ร่วมอยู่ด้วย
ถ้ามองที่หลักของ”ศาสนา”แล้ว ทุกศาสนา” ล้วนสอนให้คนเป็น”คนดี” ใน”ศาสนาพุทธ” การสร้างองค์”สมมุติเทพ” หรือการสร้าง”รูปเหมือน” เพื่อการ”ประดิษฐาน” ให้ผู้”ศรัทธา”และ”เลื่อมใส” มา”เคารพสักการะ” เป็นวิธีการหนึ่งในการสอนให้คนเป็นคนดี ใช้”ศาสนา” เป็นที่”ยึดมั่น” และ”ยึดเหนี่ยว” ทาง”จิตใจ” ซึ่งจะสร้างที่ไหนก็ได้ หากที่แห่งนั้นเป็นที่ของตนเอง และไม่ได้ไป”รบกวน” ให้คนบริเวณนั้น ได้รับความเดือดร้อน
รวมทั้งในแง่ของ”ส่วนรวม” การสร้าง”รูปเหมือน” เช่น”หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด”พระภิกขุ” ที่มีผู้คน”เคารพ”และ”เลื่อมใส” หรือ”องค์สมมุติเทพ” อื่นๆ เช่น “เจ้าแม่กวนอิม” เทพเจ้ากวนอู” และ อื่นๆ ทำให้หลายแห่ง กลายเป็น”ศูนย์รวม”ให้ประชาชนเดินทางมา”เคารพสักการะ” และกลายเป็น”แหล่งท่องเที่ยว” ที่”สร้างงาน” และ”ทำเงิน” ให้กับคนในพื้นที่ ซึ่งเป็นประโยชน์กับ”ส่วนรวม” โดยไม่ได้สร้างความ”เดือดร้อน” และไม่ได้ทำให้”ศาสนา”อื่นๆ ถูก”ด้อยค่า” หรือ ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ดังนั้นการ”เคลื่อนไหว” เพื่อ”ต่อต้าน” การสร้าง “องค์เจ้าแม่กวนอิม” ที่”เขาล้อน” หมู่ที่ 1 ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา จึงต้องคำนึงถึงข้อ”เท็จจริง” ของหลักการอยู่ร่วมกันใน”สังคม” ที่ทุกฝ่ายเพียรพยายามที่จะชูคำว่า” พหุวัฒนธรรม” มาใช้ในการแก้ปัญหาของความมั่นคงในพื้นที่เพื่อการดับ”ไฟใต้” มีการใช้”วาทกรรม” ที่”สวยหรู” เช่น” การแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง” เพื่อการอยู่ร่วมกันระหว่างผู้ที่นับถือ”ศาสนา” ที่ต่างกัน แต่ในการ”กระทำ” ใช่หรือไม่
ส่วนเรื่องของความเคลื่อนไหวที่อ้างว่าเป็นแนวทาง”สันติวิธี” ก็น่าจะเป็นเพียง”วาทกรรม”หนึ่ง ของ”นักเคลื่อนไหว” เพราะวิธีการของ”สันติวิธี” คือการ”พูดคุย” หรือ”เจรจา” เพื่อรับฟัง”เหตุ”และ”ผล”ของทุกฝ่าย เพื่อหาทางออก ในการอยู่”ร่วมกัน” แต่การที่”ปฏิเสธ” ว่า”ไม่เอา” ต้อง”หยุด” และ”ไม่ให้สร้าง” นั้นไม่ใช่เรื่องของ”สันติวิธี” แต่เป็นการ”ยื่นคำขาด” โดยไม่ต้องรับฟัง”เหตุ”และ”ผล”ต่างหาก
และที่จับประเด็นได้อีกอย่างคือคำว่า”นายทุน”เป็นเจ้าของโครงการ “ และเกี่ยวพันกับ”นิคมอุตสาหกรรมจะนะ”ประเด็นนี้ก็มีคำถามว่าถ้า”นายทุน” จะทำอะไรก็ตามที่เป็น”สิ่งดีงาม” เกี่ยวกับเรื่อง”ศาสนา” ล้วนเป็นเรื่องของความไม่”บริสุทธิ์”และมีเรื่อง”แอบแฝง” อย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้น”นายทุน”ที่ “บริจาค” เงินทอง ในการสร้าง”นั่น,นู้น,นี่” มากมายในประเทศไทย ก็เป็นเรื่องที่”แอบแฝง” ทั้งสิ้น ใช่หรือไม่
สิ่งเหล่านี้ต้อง”แยกแยะ” ให้ออก การต่อต้าน” นิคมอุตสาหกรรมจะนะ” ก็เป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนการสร้าง”เจ้าแม่กวนอิม” ก็เป็นเรื่องหนึ่ง ถ้าเอาทั้ง 2 เรื่องมา”ปะปน” กัน น่าจะเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เหมือนกับมี”อคติ” หรือ”มีธง” ว่าอะไรก็ตามที่ เกิดจาก”เอกชน” ที่เป็น”กลุ่มทุน” ที่เข้ามาเพื่อลงทุนใน”อุตสาหกรรม” จะต้องมีการ”ต่อต้าน” โดยต้องการให้เห็นว่า นั่น”คือ”ปีศาจ” อย่างนั้นหรือ
เรื่อง”นิคมอุตสาหกรรม” อาจจะไม่กระทบ”จิตใจ”ของคน”ไทยพุทธ” แต่เรื่อง”องค์เจ้าแม่กวนอิม”ไม่เหมือน”นิคมอุตสาหกรรม” เพราะเป็น”ความเชื่อ” และความ”ศรัทธา”ที่มีต่อ”เจ้าแม่กวนอิน” และ”พุทธศาสนา” เช่นเดียวกับที่”มุสลิม” มีความ”ศรัทธา” ในเรื่องที่ท่านเชื่อ นี่จึงเป็นเรื่องของความ”เปราะบาง” ทาง”สังคม” ที่ อาจจะถูกนำไป”ขยาย” ให้มีการเข้าใจผิดเกิดขึ้น
วัด กับ มัสยิด ต้องอยู่ใกล้กันได้ เสียงพระ”ตีระฆัง” เพื่อการ”ลงโบสถ์” และเสียง”โต๊ะอิหม่าน” ตีกลอง และเสียง”อาซาน” ที่เกิดขึ้นในชุมชน จะต้องเป็นเสียงแห่งความ”ดีงาม”ของ”ศาสนา” ไม่ใช่เสียง”รบกวน” การสร้าง”มัสยิด” ในประเทศ จะสร้างพื้นที่ไหนก็ได้ จะต้องไม่มีการ”ต่อต้าน” เพียงเพราะมีคน”น้อยนิด” ที่นับถือศาสนา”อิสลาม” นี่ต่างหากคือ”พหุวัฒนธรรม” และ”สันติวิธี”
จากเรื่องของ”โรงเรียนอนุบาลปัตตานี” มาสู่เรื่องของ”องค์เจ้าแม่กวนอิม” ที่ สงขลา คือ”บริบท”ของ”ไฟใต้” อีก 1 กอง ที่มี”เงื่อนไข” ที่มาจากความ”ไม่เข้าใจ” และมีเรื่อง”แอบแฝง” และหากปล่อยให้ทุกอย่างเป็นเรื่องของ”กฎหมาย” และเป็นเรื่องของ”กฎหมู่” ที่มาจากกลุ่มคน”หมู่หนึ่ง” สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้อาจจะกลายเป็นเรื่องของ”สงครามศาสนา” ในวันข้างหน้า ก็เป็นไปได้
หน่วยงานของรัฐ ที่ควรจะเข้ามาเพื่อ”คลี่คลาย” และ”สลาย” ความ”ขัดแย้ง ในทั้ง 2 กรณี อยู่ตรงไหนของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น หน่วยงานความมั่นคงอย่าง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า หน่วยงานฝ่ายปกครอง หน่วยงานด้าน”ศาสนา” มี”แนวคิด”และ”แนวทาง” อย่างไร หรือจะปล่อยให้ เกิดการ”เผชิญหน้า” กันก่อน แล้วค่อยมองเห็นปัญหา หรือต้องรอให้กลุ่มที่ “อดทน” แบบ”สุดๆ หมดความ”อดทน” และออกมา”เคลื่อนไหว” ก่อนจึงจะรีบออกมาแบบ”ไฟลนก้น”
วันนี้ ประเทศไทยสังคมไทย มีการ”แบ่งฝักแบ่งฝ่าย” สร้างความ”เกลียดชัง” ให้เกิดขึ้น มีการ”อักลี่อเมริกา”,มีการ”อักลี่ประเทศจีน” และในอนาคต หากเกิดความ”ขัดแย้ง”กันในทุก”ประเด็น” เกี่ยวกับเรื่องของ”ศาสนา” อาจจะมีการ”อักลี่มุสลิม” เกิดขึ้น ทำไมเราจะต้องรอ ให้ถึงจุด”แตกหัก” ก่อน แล้วจึงค่อย”พูดจา”กัน ทำไมไม่ช่วยกัน”ดับไฟ” เสียแต่วันที่”กองไฟ” เพิ่ง”ถูกจุด” จะไม่ดีกว่าหรือ