นพดล ชี้ไม่เหนือความคาดหมายฝ่ายรัฐบาลผ่านมติไว้วางใจ แต่ประชาชนรอชี้ขาดในวันเลือกตั้ง ต่อไปนี้ ควรร่วมมือแก้รัฐธรรมนูญให้ สส.เท่านั้นโหวตนายกฯ จะวินวินทุกฝ่าย
นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว ต่างประเทศ กล่าวถึงผลโหวตในสภาว่า ไม่เหนือความคาดหมาย เพราะรัฐบาลยังมีเสียงข้างมาก ก็ย่อมมีเสียงโหวตไว้วางใจ แต่ตนมองว่าแม้ผ่านการอภิปรายไปได้ รัฐบาลก็มีเวลาบริหารประเทศอีกประมาณ 8 เดือนถ้าอยู่ครบเทอม และต้องมีการเลือกตั้งทั่วไปไม่เกินมีนาคม 2566 ทุกพรรคการเมืองก็ต้องกลับไปขอการสนับสนุนจากประชาชนอีก ซึ่ง ประชาชนจะยังคงจำได้ว่าพรรคไหนอยู่ฝ่ายรัฐบาล พรรคไหนอยู่ฝ่ายค้าน ถ้าประชาชนมีความสุข ก็อาจเลือกพรรคร่วมรัฐบาลต่อ ถ้าทุกข์หนักก็อาจเลือกพรรคอื่น ดังนั้นทุกคนมีสิทธิกำหนดอนาคตของตนเอง จะยากดีมีจนก็หนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงเท่ากัน ตามหลักการ one man one vote และตนคิดว่าประชาชนรอชี้ขาดในวันเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตามทุกฝ่ายต้องทำให้ผลเลือกตั้งครั้งต่อไปมีความหมายและสะท้อนเจตจำนงของคนไทยส่วนใหญ่ แต่น่าเสียดายที่ตามกฎหมายขณะนี้ แคนดิเดทนายกฯจากพรรคที่ประชาชนเลือกมากที่สุดอาจไม่ได้ถูกโหวตจากสภาฯเนื่องจากมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญกำหนดให้ทั้ง สส.และ สว. มีสิทธิเท่ากันในการโหวตนายกฯ นี่คือความเท่าเทียมแบบเทียมๆใช่หรือไม่ เพราะประชาชนเลือก สส.แต่ไม่ได้เลือก สว. ไม่สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย และพลอยทำให้คนตั้งคำถามเรื่องความชอบธรรมในการเข้าสู่อำนาจของนายกฯคนต่อไปด้วย
เรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญ เป็นเรื่องหลักการประชาธิปไตย ไม่ใช่เรื่องความชอบหรือไม่ชอบตัวบุคคลหรือประโยชน์ของพรรคการเมืองหนึ่งการเมืองใด แต่เป็นเรื่องการเคารพสิทธิและเสียงของประชาชน กติกาที่เป็นธรรม ทำให้การเข้าสู่อำนาจของผู้นำในอนาคตสง่างาม “ใครที่ต้องการเป็นนายกฯต้องพร้อมให้ประชาชนพิจารณาความรู้ความสามารถ และยอมรับในกติกาที่เป็นธรรมและเท่าเทียม ถ้าเป็นเช่นนั้น เงื่อนไขความขัดแย้งจะลดลง เกียรติภูมิของประเทศจะเพิ่มขึ้น บ้านเมืองจะเดินหน้าเร็วขึ้น พรรคเพื่อไทยพร้อมผลักดันการแก้มาตรา 272 ร่วมกันในสภาต่อไป”