“ชญาภา” ชี้ “ประยุทธ์” สุดอนาถสภาพเหมือน “ยาหมดอายุ” สอบตกทุกด้าน ข้องใจเหตุมดกองเชียยังกล้าหาญเทียบชั้นอดีตนายกฯทักษิณ ทั้งที่ไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน

“ชญาภา” ชี้ “ประยุทธ์” สุดอนาถสภาพเหมือน “ยาหมดอายุ” สอบตกทุกด้าน ข้องใจเหตุมดกองเชียยังกล้าหาญเทียบชั้นอดีตนายกฯทักษิณ ทั้งที่ไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน

นางสาวชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่กองเชียร์ฝ่ายรัฐบาลขาประจำออกโรงอวดอ้างสรรพคุณรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยเปรียบเทียบว่าผลงานดีกว่ายุครัฐบาล ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีร้อยเท่า โดยใช้วาทกรรมซ้ำซากกล่าวหาโจมตี ดร.ทักษิณ แล้วยกยอว่าพลเอกประยุทธ์คือผู้เสียสละทำเพื่อประเทศชาติ เชียร์แบบไม่ลืมหูลืมตาทั้งที่อยู่มาจนจะครบวาระ แต่พลเอกประยุทธ์ในฐานะนายกรัฐมนตรี ยังไม่เคยแม้แต่จะเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของตัวเองที่ยื่นกับ ป.ป.ช. โดยไร้การท้วงติง เท่านี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงความไม่โปร่งใสและไม่จริงใจต่อประชาชนแล้ว

นางสาวชญาภา กล่าวอีกว่า หากกล่าวถึงผลงานโดยรวมของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ เกือบ 8 ปีที่บริหารประเทศนั้น “สอบตกในทุกด้าน” ไม่มีอะไรเป็นรูปธรรม นโยบายที่เคยหาเสียงไว้ก็ทำได้ไม่ครบถ้วน ความยากลำบากจึงตกอยู่กับพี่น้องประชาชน แต่พลเอกประยุทธ์ยังดันทุรังอยู่ต่อ ทั้งที่โลกความเป็นจริงประชาชนคิดอย่างไร พลเอกประยุทธ์คงรู้อยู่แก่ใจดี แต่หากจะกล่าวถึงผลงานยุครัฐบาล ดร.ทักษิณ เรียกว่า “ยุคประชาธิปไตยกินได้” ประชาชนอยู่ดีกินดี นโยบายยุคไทยรักไทยยังสร้างคุณูปการและประโยชน์กับพี่น้องประชาชนจวบจนถึงทุกวันนี้ เช่น โครงการ 30 บาท รักษาทุกโรคที่ทั่วโลกยอมรับ พลเอกประยุทธ์ ยังเคยนำไปพูดอวดอ้างบนเวทียูเอ็น ทั้งที่เคยตำหนิว่าเป็นภาระงบประมาณและไม่เคยให้ความสำคัญกับโครงการนี้

แต่ก็ไม่กล้ายกเลิก เข้าข่ายเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง หรือไม่ หรือเเม้เเต่การจัดประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคในสมัยรัฐบาล ดร.ทักษิณ ประสบความสำเร็จอย่างสง่างามสมศักดิ์ศรีประเทศไทยจนถูกกล่าวขวัญว่าอาจเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชียที่น่าจับตามอง แต่น่าเสียดายที่ขณะนี้ประเทศไทยต้องมาเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปคภายใต้รัฐบาลสืบทอดอำนาจ มีผู้นำไร้ความสามารถ เป็นรัฐบาลที่มีปมด้อย ไม่เป็นที่ยอมรับของนานาอารยประเทศ ถ้าเปรียบผลงานให้เห็นชัดเจนคือ เปรียบเสมือน “มวยวัด กับ มวยสากล” คือ คนละชั้นกัน

ทั้งนี้ โพลล่าสุดจากศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล ปรากฏว่า อันดับ 1 ร้อยละ 25.28 คนสนับหนุนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย ลูกสาว ดร.ทักษิณ นั่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองของประเทศ ส่วนพลเอกประยุทธ์คะแนนหล่นวูบรั้งท้าย ขณะที่พรรคเพื่อไทย คะแนนนิยมยังนำโด่งขาดลอย จนทำเอากองเชียร์ฝ่ายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์พากันหวั่นไหวใจสั่น จนต้องหากลวิธีสกัดกั้นกระเเสเพื่อไทยแลนสไลด์ในทุกวิถีทาง แม้แต่โพลยังสู้ลูกไม่ได้ เหตุใดจึงมีความกล้าหาญไปเทียบรุ่นพ่อ สะท้อนว่าประชาชนเอือมระอาและต้องการความเปลี่ยนแปลงทีดีกว่าเป็นอยู่ทุกวันนี้

“ฝากไปถึงกองเชียร์รัฐบาลประยุทธ์ว่า หากเป็นรัฐบาลที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ประชาชนจะสรรเสริญเยินยอเอง ไม่ต้องเสียเวลาให้เหล่าลิ่วล้อเร่ยกยอกันเอง รัฐบาลประยุทธ์ก็เปรียบเหมือนสินค้าหมดอายุ ที่พยายามโฆษณาสรรพคุณเกินจริง เที่ยวยัดเยียดให้ประชาชนก็ไม่มีใครขานรับ จนต้องทำทุกวิธีทาง งัดทุกกลเม็ดโดยไม่สนใจหลักการถูกผิดเพื่อให้ตัวเองและพวกพ้องได้สืบทอดอำนาจต่อ น่าละอายเป็นอย่างมาก” นางสาวชญาภา กล่าว

Related posts