เพื่อไทย โต้โฆษกรัฐบาลควรศึกษาข้อมูลก่อนพูด ป้ายสียิ่งลักษณ์ เพราะหวังหนีความจริง ประยุทธ์บริหารเศรษฐกิจประเทศพังทลาย

เพื่อไทย โต้โฆษกรัฐบาลควรศึกษาข้อมูลก่อนพูด ป้ายสียิ่งลักษณ์ เพราะหวังหนีความจริง ประยุทธ์บริหารเศรษฐกิจประเทศพังทลาย

 

นายจักรพงษ์ แสงมณี กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย และอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวหารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สร้างหนี้จากโครงการประชานิยมและโยนภาระหนี้ให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแล ซึ่งเป็นเหมือนการซุกหนี้ไว้ใต้พรมว่า โฆษกรัฐบาลกล่าวโดยไม่ศึกษาข้อมูล หรือตั้งใจกล่าวเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจประชาชนจากความเสียหายทางการเงินการคลัง ที่รัฐบาลท่านก่อขึ้นเอง ให้เป็นของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ แบบที่ทำมาโดยตลอด

ในฐานะอดีตคณะทำงานด้านเศรษฐกิจสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขอชี้แจงอีกครั้งให้ชัดเจนว่า รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้วางระบบจัดการหนี้กองทุนฟื้นฟู (FIDF) ที่มียอดสูงถึง 1.14 ล้านล้านบาทไว้อย่างดี ทำให้ยอดหนี้คงค้างของประเทศที่มีอยู่กว่า 20 ปีตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ได้รับการจัดการ โดยไม่เป็นภาระงบประมาณทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยแม้แต่บาทเดียว จนทำให้รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย 70,000 ล้านบาทต่อปี และยอดหนี้จาก1.14 ล้านล้านบาท ก็ลดลงเหลือตำ่กว่า 700,000 ล้านบาท แบบนี้เรียกซุกหนี้?

นายจักรพงษ์ กล่าวอีกว่า การกระทำด้วยการให้ความเท็จป้ายสีโครงการจำนำข้าวไม่สำเร็จ เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ชี้แจงได้อย่างชัดเจน จึงพาลไปป้ายสีโครงการอื่นๆ ทั้งโครงการแท็บเล็ต ซึ่งล้ำนำยุคหวังสร้างทรัพยากรมนุษย์ซึ่งเป็นทุนของประเทศ ซึ่งถ้าโครงการดำเนินมาถึงวันนี้ ผู้ปกครองคงไม่ต้องเสียเงินเองและโครงการรถคันแรกที่ได้สร้างคุณประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดิน หากท่านหาข้อมูลเพิ่มเติมสักนิด จะทราบว่าทั้งโครงการแท็บเล็ตและรถคันแรก ล้วนเป็นโครงการที่ไม่ได้ใช้เงินกู้

“โฆษกรัฐบาลรีบออกมาปกปิดความจริงที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ คือคนบริหารเศรษฐกิจจนประเทศพังทลายใช่หรือไม่ เพราะการคลังของประเทศขณะนี้ย่ำแย่ อยู่ในสภาวะกู้ชนเพดาน การจัดเก็บรายได้ก็หืดขึ้นคอเพราะไม่ถึงเป้า ซ้ำรัฐบาลยังกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งหมดนี้ก็เพราะมีผู้บริหารประเทศแบบ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ทำเศรษฐกิจเติบโตช้ากว่าการเพิ่มขึ้นของงบประมาณและยอดเงินกู้ ส่วนคำว่า “ซุกหนี้ไว้ใต้พรม” นั้น น่าจะเป็นพฤติกรรมของรัฐบาลนี้มากกว่า ที่ใช้มติ ครม.สั่งการให้ธนาคารจ่ายไปก่อน แล้วจะตั้งงบปีถัดไปมาจ่ายคืน ไม่แปลกใจที่การบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์พังแบบนี้ เพราะคนข้างตัวท่านยังให้ข้อมูลโดยไม่ได้ศึกษาให้ดีก่อน” นายจักรพงษ์ กล่าว

Related posts