คาดการณ์ส่งออกยางพาราปีนี้4.2ล้านตันเพิ่มขึ้นจากปีก่อนแม้เผชิญผลกระทบจากปัญหาสงครามยูเครน-รัสเซียและการแพร่ระบาดโควิดระลอกใหม่

“อลงกรณ์”เผยราคายางยังอยู่ในช่วงขาขื้นร่งเดินหน้าลดพื้นที่ยางปีละ1แสนไร่ตามมาตรการบริหารอุปสงค์อุปทานเพื่อสร้างเสถียรภาพราคาระยะยาว

 


นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามและเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาราคายางและรักษาเสถียรภาพราคายาง ได้ประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 2/2565 ณ ห้องประชุมรัษฎา อาคาร 2 ชั้น 2 การยางแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นายกุลเดช พัวพัฒนกุล ประธานการยางแห่งประเทศไทย นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย นายธีระชาติ ปางวิรุฬห์รักษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการตลาด นายประพันธ์ บุณยเกียรติ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการค้าและการลงทุน นายธีระชาติ ปางวิรุฬห์รักษ์ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีพาณิชย์ นายเมฆินทร์ เอี่ยมสอาด นายนฐกร สุวรรณธาดา คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานเกษตรในทุกภูมิภาคทั่วโลก ผู้แทนชาวสวนยาง สถาบันชางสวนยาง และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล
นายอลงกรณ์เปิดเผยวันนี้ว่าที่ประชุมได้มีการรายงานถึงสถานการณ์เศรษฐกิจ ตลาดยางพารา ในประเทศคู่ค้าที่สำคัญโดยมุมมองทูตเกษตร จากสหภาพยุโรป กรุงโรม กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ออสเตรเลีย รัสเซีย จีน กรุงโตเกียว กรุงจาการ์ต้า และลอสแองเจลิส (เม็กซิโก-ลาตินอเมริกา) ซึ่งจากรายงานการวิเคราะห์สถานการณ์ข้อมูลต่าง ๆ ทั่วโลก มีปัจจัยที่ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อเสถียรภาพและราคายาง ได้แก่ การแพร่ระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 ในประเทศคู่ค้าหลัก โดยเฉพาะประเทศจีน ตลอดจนการเกิดปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลต่อค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ฯลฯ


การรายงานสถานการณ์ยางพารา เดือนมีนาคม และคาดการณ์ราคายางพารา เดือนเมษายน 2565 โดยฝ่ายเศรษฐกิจยาง การยางแห่งประเทศไทย ได้รายงานคาดการณ์ปริมาณผลผลิตยางพารา ปี 2565 มีปริมาณ 4.907 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1.48% คาดการณ์ปริมาณการส่งออกยางพารา ปี 2565 มีปริมาณ 4.218 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2.03% ซึ่งในปี 2563 สัดส่วนการส่งออกยางพาราของไทย มีปริมาณการส่งออกไปยังประเทศจีน มากที่สุด ในปี 2564 มีปริมาณการส่งออกไปยังประเทศจีน 54% รองลงมาได้แก่ มาเลเซีย 10 % สหรัฐอเมริกา 6 % ญี่ปุ่น 5 % และเกาหลีใต้ 3 %
ที่ประชุมได้รับทราบ 1) Supply side ด้านการปลูกแทนพื้นที่ยางพาราและเป้าหมายการส่งเสริมและสนับสนุนการปลูกแทน ปี 2565 ของการยางแห่งประเทศไทย มีเป้าหมายดำเนินการ พื้นที่รวม 200,000 ไร่ โดยได้ดำเนินการปลูกแทนไปแล้ว จำนวน 150,641.15 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 75.32 แบ่งออกเป็น 1. การตัดยางเก่าเป้าหมายปีละ1แสนไร่โดยปลูกยางใหม่ทดแทนด้วย ยางพันธุ์ดี สามารถดำเนินการคืบหน้าได้แล้ว83,645.10 ไร่ 2.การตัดยางเก่า1แสนไร่โดยปลูกไม้ยืนต้นเชิงเดี่ยวทดแทนมีความคืบหน้า54,356 ไร่ เกษตรกรรมยั่งยืน 6,536.35 ไร่ และแบบสวนยางยั่งยืน 6,103.70 ไร่ ข้อมูล ณ วันที่ 21 มี.ค.2565 ทั้งนี้ กยท.คาดการณ์ว่าราคายางพาราช่วงเดือนมีนาคมและเมษายนยังอยู่ในช่วงขาขึ้น


2) ความคืบหน้าโครงการจัดตั้งพื้นที่บริหารจัดการยางพาราทั้งระบบ (Rubber Valley) เพื่อศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการพัฒนาเป้าหมายที่มีศักยภาพรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ปี 2565 นายอลงกรณ์ ได้ให้ข้อสังเกตในการกำหนดรูปแบบการบริหารโครงการว่าควรมีการกำหนดตั้งแต่ต้นว่าควรจะเป็นการบริหารจัดการในรูปแบบใด ยกตัวอย่างเช่น การบริหารแบบบริษัทร่วมทุนและควรมีการพัฒนาอุตสาหกรรมอื่นร่วมไปพร้อมกับการพัฒนาเขตอุตสาหกรรมยางพาราด้วย เช่น ปาล์มน้ำมัน ผลไม้ เป็นต้น
3) การดำเนินการเก็บข้อมูลผลผลิตยางพารา(Productivity)และรายได้เฉลี่ยต่อไร่ของเกษตรกรผู้ปลูกยางในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนตัวชี้วัดด้านผลผลิตและรายได้ของเกษตรกรชาวสวนยาง ตามแผนวิสาหกิจการยางแห่งประเทศไทย ระยะ 7 ปี (พ.ศ.2564-พ.ศ.2570) ตามยุทธศาสตร์ที่ 1 การพัฒนายางพาราทั้งระบบ โดยในปีงบประมาณ 2565 การยางแห่งประเทศไทย จะดำเนินการเก็บข้อมูลผลผลิตยางพาราและรายได้เฉลี่ยต่อไร่ของเกษตรกรผู้ปลูกยางในประเทศไทย จากเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยาง ในพื้นที่ 45 จังหวัด ทั่วประเทศ เพื่อยกระดับการเพิ่มปริมาณผลผลิตต่อไร่ของเกษตรกรให้สูงขึ้น
ทั้งนี้ นายอลงกรณ์ ได้เน้นย้ำถึงสถานการณ์โควิดและสงครามยุเครน-รัสเซียรวมทั้งปัญหาราคาน้ำมันและค่าเงินบาทยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่กยท.ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเพราะมีผลทั้งทางบวกและทางลบต่อราคายางและการส่งออกของไทย
รวมทั้งขอให้เร่งเำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลกับศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ (NABC:National Agriculture Big Data Center) ซึ่งเป็นของฐานข้อมูลกลางของหน่วยงานในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และการพัฒนาฐานข้อมูล Big Data ในการใช้ประโยชน์และเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนกับหน่วยงานต่าง ๆ ในยุค Digital Transformation ด้วย.

Related posts