กาฬสินธุ์ พายุฤดูร้อนถล่มบ้านพังเสียหายกว่าร้อยหลังคาเรือน

ฤทธิ์พายุฤดูร้อนที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ทำบ้านพังเสียหายกว่าร้อยหลังคาเรือน ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยเหล่ากาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รุดลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมมอบถุงบังชีพปลอบขวัญประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ชาวบ้านชี้เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ไม่เคยพบมาก่อน รุนแรงน่ากลัว

 


วันที่ 8 มีนาคม 2565 ที่ศาลาประชาคมบ้านโคกใส ต.โนนแหลมทอง อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยคณะกรรมการเหล่ากาชาด จ.กาฬสินธุ์ ส่งราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ พร้อมให้กำลังใจและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุวาตภัยพายุฤดูร้อน โดยมีนางสาวแววตา นระทัด นายอำเภอสหัสขันธ์ ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้การต้อนรับ
จากนั้น นายทรงพล ใจกริ่ม ผวจ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยคณะกรรมการเหล่ากาชาด จ.กาฬสินธุ์ ส่งราชการที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปที่ ต.เนินยาง อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ โดยมีนายดำรงศักดิ์ นาคีสังข์ นายอำเภอคำม่วง พร้อมด้วยผู้นำชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต้อนรับและร่วมมอบถุงยังชีพ เครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบภัย พายุฤดูร้อน


นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากพื้นที่โดยทางนายอำเภอคำม่วงและนายอำเภอสหัสขันธ์ จึงได้สั่งการให้มีการออกสำรวจโดยเบื้องต้นพบว่าพื้นที่ อ.คำม่วง ได้รับผลกระทบ 21 ครัวเรือน มีบ้านเรือนพังเสียหายอย่างหนัก 2 ครัวเรือน ซึ่งได้นำคณะเหล่ากาชาดมามอบสิ่งของช่วยเหลือเบื้องต้น ขณะเดียวกันในพื้นที่ อ.สหัสขันธ์ ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก มีบ้านพังมากถึง 91 หลังคา พื้นที่ ต.โนนแหลมทองเสียหายกว่า 8 หมู่บ้าน ได้รับความเสียหายอย่างหนัก 5 หลังคาเรือน


จากการพูดคุยกับชาวบ้านทราบว่า ช่วงเที่ยงวันที่ 7 มีนาคม 2564 เกิดฝนฟ้าคะนองอย่างหนัก และได้พัดเอาหลังคาทั้งเรือนปลิวหายไป บางชิ้นส่วนตกลงบ้านใกล้เรือนเคียงทำให้ได้รับความเสียหายเช่นกัน ทั้งนี้ได้นำถุงยังชีพ ถุงปันสุข ผ้าห่ม และเงินสดบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว ยังได้กำชับให้นายอำเภอ ผู้นำชุมชน ร่วมกันดูแล ช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชนให้กลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว และเร่งเยียวยาประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน


ทั้งนี้ นายบัวศรี และนางเวิน ข้อสกุล ผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุวาตภัย กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุได้ทำนาอยู่ มองเห็นลมพายุพัดมาเร็วและรุนแรงมากจึงกลับบ้าน จนมาพบว่าหลังคาบ้านได้ปลิวหายไปแล้ว และทราบภายหลังว่าปลิวไปตกทำความเสียหายบ้านเรือนของเพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียงที่ห่างกันไปกว่า 30 เมตร ซึ่งการเข้ามาดูแลช่วยเหลือของภาคส่วนราชการในครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีในการปลอบขวัญและกำลังใจ และการซ่อมแซมบ้านเรือนให้กลับมาอยู่ในสภาพที่อาศัยได้ตามปกติ โดยพายุที่เกิดขึ้นไม่เคยพบเห็นแบบนี้มาก่อน และเป็นครั้งแรกที่ประสบเหตุแบบนี้ นับเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่ากลัวมาก โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บหรือได้รับอันตรายแต่อย่างใด

Related posts