รู้จักกับ “โรครูมาตอยด์” โรคข้อเรื้อรัง ที่ทำให้พิการได้

รู้จักกับ “โรครูมาตอยด์” โรคข้อเรื้อรัง ที่ทำให้พิการได้

 

 

โรครูมาตอยด์ เป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรัง และปัจจุบัน ยังไม่มียาใด รักษาให้หายขาดได้ นพ.สุนทร ศรีสุวรรณ์ อาจารย์แพทย์
กลุ่มงาน ศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลศูนย์หาดใหญ่ จ.สงขลา กล่าวถึง โรคข้อรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) เป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรังชนิดหนึ่งที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน (Autoimmune) ซึ่งส่งผลให้ร่างกายโจมตีเนื้อเยื่อของตัวเอง โดยเฉพาะบริเวณข้อ ส่งผลให้เกิดอาการปวด บวม และข้อเสียหายได้ในระยะยาว
อาการของรูมาตอยด์

1. ปวดและบวมที่ข้อ: ข้อมักบวมและปวดเป็นพิเศษในตอนเช้า
2. ข้อแข็งตึง: โดยเฉพาะหลังตื่นนอนหรือไม่ได้ขยับเป็นเวลานาน อาจกินเวลา 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง
3. อาการสมมาตร: มักเกิดที่ข้อทั้งสองข้าง เช่น ข้อมือทั้งสองข้าง
4. อาการทั่วไป: เหนื่อยล้า ไข้ต่ำ น้ำหนักลด
5. ข้อผิดรูป: หากเป็นนาน ๆ ข้ออาจเริ่มผิดรูป จากการทำลายเนื้อเยื่อ เส้นเอ็นรอบๆข้อ รวมถึง กระดูกข้อต่อ
6. อาการมักเริ่มต้นพบ ในข้อเล็กๆ เช่น ข้อนิ้วมือ, ข้อนิ้วเท้า
7. ในรายที่เป็นมานาน อาจคลำเจอก้อนเนื้อรูมาตอยด์ [Rheumatoid nodule ] มักพบที่ บริเวณข้อศอก ในบางรายอาจพบได้ใน ปอด หัวใจ และสมอง ร่วมด้วย

การวินิจฉัยรูมาตอยด์
1. ตรวจร่างกาย: แพทย์จะตรวจข้อที่บวมและประเมินอาการปวด
2. ตรวจเลือด: เพื่อหาค่าสารอักเสบ (ESR, CRP) และภูมิคุ้มกัน (RF, Anti-CCP)
3. เอ็กซเรย์ข้อต่อ: ดูความเสียหายของข้อ
4. อัลตร้าซาวด์หรือ MRI: ใช้ในกรณีที่ต้องการดูรายละเอียดเพิ่มเติม ประเมินเส้นเอ็นและเนื้อเยื่อ

วิธีรักษาโรครูมาตอยด์
การรักษารูมาตอยด์มุ่งเน้นการลดการอักเสบ ควบคุมอาการ และป้องกันข้อเสียหาย โดยวิธีการรักษาได้แก่:
1. ยารักษา (รายละเอียดด้านล่าง)
2. กายภาพบำบัด: ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อ และเส้นเอ็น
3. การผ่าตัด: ใช้ในกรณีข้อเสียหายมาก เช่น การผ่าตัดเชื่อมข้อ [ Arthrodesis ] , การเปลี่ยนข้อเทียม [ Joint Replacement ]

ชนิดของยาในโรครูมาตอยด์
1. ยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs): ลดปวดและลดการอักเสบ
• เช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen)
2. ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์: ลดการอักเสบอย่างรวดเร็ว
• เช่น เพรดนิโซน (Prednisone)
3. ยาต้านรูมาติกชนิดออกฤทธิ์ช้า (DMARDs): ยับยั้งการลุกลามของโรค
• เช่น เมโธเทรกเซท (Methotrexate)
4. ยาชีวภาพ (Biologics): เจาะจงต่อระบบภูมิคุ้มกันโดยตรง
• เช่น เอตาเนอร์เซปต์ (Etanercept)

การเลือกใช้ยาต่างๆ แตกต่างกันไปใน ผู้ป่วยแต่ละราย ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ยาบางตัวมีผลต่อระบบอื่นๆในร่างกาย หากรับประทานอย่างยาวนาน อาทิ เช่น ยาสเตียรอยด์ ทำให้เกิดภาวะไตวาย และกระดูกพรุนได้
การดูแลตนเองสำหรับผู้ป่วยรูมาตอยด์
1. ออกกำลังกายเบา ๆ: เช่น เดิน โยคะ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของข้อ
2. พักผ่อนให้เพียงพอ: เพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกาย
3. ลดการใช้งานข้อต่อ และประคบเย็น: เพื่อลดอาการปวดและบวม โดยเฉพาะในระยะข้ออักเสบเฉียบพลัน
4. กินอาหารที่มีประโยชน์: เลือกอาหารที่ลดการอักเสบ เช่น ผักผลไม้ ถั่ว ปลา
5. ลดความเครียด: เพราะความเครียดอาจกระตุ้นอาการให้แย่ลง
6. พบแพทย์สม่ำเสมอ: เพื่อปรับยาหรือวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
โรครูมาตอยด์แม้จะเป็นโรคเรื้อรัง แต่ถ้ารู้จักดูแลตัวเองและรับการรักษาอย่างเหมาะสม จะช่วยลดอาการและป้องกันข้อเสียหายได้ในระยะยาว หากคุณสงสัยว่าตนเองหรือคนรอบข้างมีอาการเข้าข่ายโรคดังกล่าว ควรปรึกษาแพทย์ทันที

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

Related posts