ผู้ว่าฯสระบุรีขานรับนโยบายรัฐบาลนำวิชา ‘ประวัติศาสตร์-หน้าที่พลเมือง’ สอนเด็กตั้งแต่ภาคเรียน 1/67 ปลูกจิตสำนึกให้เด็กรักชาติ
วันที่ 1 ธันวาคม 2566 นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เปิดเผยว่ารัฐบาลโดยนายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาจังหวัด ได้ใช้ภาวะผู้นำในการขับเคลื่อนเรื่อง 3 วิชาที่จะช่วยสร้างคน สร้างชาติ ให้เข้มแข็ง มั่นคง ด้วยการส่งเสริมให้เด็กไทยได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย หน้าที่พลเมืองและวิชาศีลธรรม ในการนี้ขอให้ทุกจังหวัดได้เปิดรับสมัครผู้ที่จะเป็นครู หรือคนเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทย และส่งรายชื่อให้ ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้ทราบจำนวนและรายชื่อ นามสกุล อาชีพ ให้ทราบภายใน 15 ธันวาคม 2566
จังหวัดสระบุรี ได้สั่งการให้ศึกษาธิการจังหวัดสระบุรี เร่งดำเนินการขับเคลื่อนและรับสมัครครูและคนเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทย และได้ให้องค์กรปกครองท้องถิ่นแจ้งให้สถานศึกษาในสังกัดจัดการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง ตั้งแต่ภาคเรียน 1/67 รุกปลูกจิตสำนึกเทิดทูนสถาบันหลักตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ที่มีนโยบายให้หน่วยหน่วยงานภายใต้การกำกับร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศให้เป็นผู้ที่มีความรักเทิดทูนในสถาบันหลักและภูมิใจในประวัติศาสตร์ของชาติ ควบคู่ไปกับการพัฒนายกระดับการศึกษาและทักษะแรงงาน นำไปสู่การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง 4 กระทรวง และ 1 องค์การมหาชน
ได้แก่กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงแรงงาน และสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 66 ที่ผ่านมา และกระทรวงมหาดไทยได้เริ่มนำข้อตกลงตาม MOU มาขับเคลื่อนให้เกิดการปฏิบัติ โดยแปลงไปสู่นโยบายรื้อฟื้นวิชาประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมืองและจริยธรรมศึกษา สำหรับสถาบันการศึกษาในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมกับมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัดทั่วประเทศแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการให้สถานศึกษาในสังกัดจัดการเรียนการสอนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยนำวิชาประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมืองและจริยธรรมศึกษาเป็นวิชาหลักในการเรียน ตั้งแต่ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 เป็นต้นไป
พร้อมกันนี้ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและสถานศึกษาจัดกิจกรรม หรือ โครงการที่มุ่งเน้นในเรื่องการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ การตระหนักในหน้าที่พลเมือง การยกย่องบุคคลที่ทำความดีมีคุณธรรม จริยธรรม ซึ่งการเรียนและกิจกรรมต่างๆ นอกจากจะนำไปสู่ความรักและภูมิใจในสถาบันหลัก เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกัน และสามารถลดความขัดแย้งของเยาวชน และไม่ถูกผู้อื่นนำพาไปกระทำในสิ่งไม่ดีหรือผิดกฎหมาย
***********
กฤษฎา สมมาตร
รายงานข่าว