เมือง ไม้ขมสกู๊ปพิเศษ
จากผู้มีอิทธิพล ถึง สินค้าเกษตรหนีภาษี และ แปลง สปก.4-01 ให้เป็น โฉนด แก้ปัญหาได้จริงหรือ
หลังเหตุการณ์ ฆ่า” สารวัตรทางหลวง” ในบ้านพักของ”กำนันนก” ซึ่งเป็นผู้มี”อิทธิพลรุ่นใหม่” ที่ จ.นครปฐม ซึ่งเป็นข่าว”เกรียวกราว” อยู่หลายวัน ได้ทำให้คำว่า”ผู้มีอิทธิพล” ถูกนำขึ้นมา”วิพากษ์วิจารณ์” อย่างกว้างขวาง และมีการ”รับลูก” จากรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย “อนุทิน ชาญวีรกุล” ที่มีการ”สั่งการ”ให้ขึ้น”บัญชีดำ” ของ”ผู้มีอิทธิพล” ทั้งประเทศใน 16 ข้อ ซึ่งมีตั้งแต่”นายทุนปล่อยเงินกู้,ลักลอบขนสินค้าหนีภาษี, เปิดบ่อนการพนัน,ค้ามนุษย์,ลักลอบค้าประเวณี, “จนถึง “ผู้มีอิทธิพลในการค้ายาเสพติด”
สิ่งที่น่าสนใจ คือในภาคใต้ ตั้งแต่ จ.ชุมพร ลงมาถึง จ.นราธิวาส ซึ่งมีการ”ลักลอบขนสินค้าหนีภาษี” อย่าง”เป็นล่ำเป็นสัน” มี”บ่อนการพนัน” ในเมืองใหญ่ๆ ที่เป็นเมืองที่มี”เศษฐกิจดี”ที่ควบคู่ไปกับการ”ค้าประเวณี” และ”เมืองชายแดนที่มีการ”ค้ามนุษย์” ซึ่งมี”ผู้มีอิทธิพล” อยู่เบื้องหลัง ได้มีการ”ขึ้นทะเบียน” หรือไม่” เพราะจาก”เบาะแส” ที่ได้รับจาก”เจ้าหน้าที่” ในท้องถิ่น พบว่า “รายชื่อผู้มี”อิทธิพล” ตัวจริง “หลุดรอด” จากการ”ขึ้นบัญชี” ที่เหมือนๆกับ หลายครั้งที่ผ่านมา
เช่น” ขบวนการค้าวัวเถื่อน” ใน จ.นราธิวาส ที่เป็น”เครือข่ายของนักการเมือง” ที่มี”เชื้อชาติปากีสถาน” ขบวนการ”ส่งออกพลุ ดอกไม้ไฟ” ที่เป็น”คนใกล้ชิดนักการเมือง” หลุดรอดจากการขึ้นบัญชี ผู้มีอิทธิพลรายใหญ่ ที่เป็น” นักการเมืองท้องถิ่น” ใน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ไม่มีชื่อใน”บัญชีดำ” เจ้าของ”บ่อนการพนัน” รายใหญ่ ใน “สุไหงโก-ลก เช่น โก ค., แบแซ, และ และ”ขบวนการค้าประเวณี” ที่นำเอา”หญิงสาวชาวลาว” เข้ามา”ทำมาหากิน” ใน “สุไหงโก-ลก” อยู่ในบัญชีดำหรือไม่ หรือที่ จ.ยะลา “บ่อนการพนันประจำเมือง” อย่างบ่อนของ”โก ป. และพวกอีก 2 ราย ถ้าไม่ถูกขึ้นบัญชีดำ ก็”ป่วยการ” ที่จะทำให้การแก้ปัญหา”ผู้มีอิทธิพล” ได้ผล
โดยเฉพาะ”ผู้มีอิทธิพล” อีกกลุ่ม ที่เป็น”ตัวการ” ทำลาย”เศรษฐกิจ” ของประเทศ คือ ขบวนการ”ค้าน้ำมันเถื่อน” ตั้งแต่ น่านน้ำ จ.ชุมพร จนถึง น่านน้ำ จ.นราธิวาส ใน”ทะเลอ่าวไทย” เช่น “โกเอก ท่าศาลา,โกเอก ท่าฉาง,ศักดิ์ ปากน้ำ, โกชัย ขนอม, บังดำ หัวเขา สงขลา” รวมถึง”เสี่ยยุทธ มหาชัย, เสี่ยโป้ง ปากน้ำสมุทรปราการ ที่อยู่นอกพื้นที่ภาคใต้ แต่เป็น”ตัวการใหญ่” ใน ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน และ “กลุ่มทุนใหญ่” ที่ นำเข้าน้ำมันแบบ”ทรานส์ซิสเส้นทาง” จากมาเลเซีย เพื่อ”ส่งออก”ไปยัง “สปป.ลาว”โดยผ่านด่าน”ศุลกากร อ.สะเดา จ.สงขลา”ไปยัง จ.บึงกาฬ แต่โดยข้อเท็จจริง “น้ำมันที่ขอทรานส์ซิสเส้นทาง” มีการ”จำหน่าย” ในประเทศ เพราะ ณ วันนี้” สปป.ลาว. ไม่มีเงินที่จะซื้อน้ำมัน เหล่านี้ เพราะ ลาว มีปัญหาทางเศรษฐกิจ และ ใน จ.นราธิวาส จ.ปัตตานี ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน ที่เป็น”ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น “ และ”เครือข่าวของ”กลุ่มมุสลิมปาทาน” ถูกขึ้นบัญชีดำหรือไม่
หรือผู้ที่ค้า”บุหรี่เถื่อนและบุหรี่ปลอม”อย่าง”เสี่ยหยอย,”จ่าเทพ, เจ้าพ่อ”หวยออนไลน์” อย่าง”เสี่ยบอย” ที่ จ.สงขลา “หรือ”บังเหรก,กะนุ้ย,ยีหมัด” นายทุนใหญ่ เมืองชายแดน อ.สะเดา และ “เจ๊ฐา” ผู้นำเข้า”สินค้าเถื่อน”ชื่อดัง ทาง”วังประจัน “ อ.ควนโดน จ.สตูล เหล่านี้คือ ผู้มี”อิทธิพลตัวจริง” ที่ต้องมีการ”ขึ้นบัญชี” ที่ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” รัฐมนตรีช่วย”มหาดไทย” ต้องตรวจสอบให้ละเอียดว่า “หลุดรอด” จากรายชื่อ”ผู้มีอิทธิพล” หรือไม่ เพราะถ้าในการขึ้นบัญชี”ผู้มีอิทธิพล” ที่จัดทำโดย”ฝ่ายปกครอง” มีแต่ชื่อของ”รายเล็กรายน้อย” ก็ ป่วยการ ที่จะแก้ปัญหาของ”ผู้มีอิทธิพล” เพราะจำได้ว่า เคยมีการ”ขึ้นบัญชี”ของ”ผู้มีอิทธิพล” มาแล้วหลายครั้ง ที่นอกจากไม่ได้ทำให้”ผู้มีอิทธิพลหมดไป” ยังทำให้มีผู้”มีอิทธิพล”เพิ่มขึ้น และจาก”ผู้มีอิทธิพล”ที่เป็น”นายทุน” ก็กลายเป็น”ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และหลายรายเป็น”ผู้แทน”ที่ยิ่งใหญ่กว่า”ผู้มีอิทธิพล”และเป็นผู้ที่”อยู่เหนือ” ผู้มี”อิทธิพล”ในการเป็น”แบ็ค” ให้กับผู้มี”อิทธิพล” อีกทางหนึ่ง
และอีกประเด็นหนึ่งที่มีการ”ออกข่าว” จาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ที่จะมี”มาตรการ” ปราบปราม ผู้ลักลอบนำเข้าพืชเศรษฐกิจ จาก”ต่างประเทศ” เข้ามา”จำหน่าย” ในประเทศไทย ที่ทำให้ เกษตรกร ของไทย ขาย”พืชผลทางการเกษตร” ไม่ได้ราคา เพราะ”ของเถื่อน” ที่”ลักลอบน้ำเข้า” มีราคาถูกกว่า
ซึ่ง “สินค้าทางการเกษตร” ที่พบว่ามีการ”ลักลอบนำเข้า”จากประเทศเพื่อนบ้าน คือ”ยางพารา” จาก”เมียนมา” ที่ส่วนใหญ่เข้ามาทางชายแดน จ.ระนอง และ “หัวหอม หัวกระเทียม” ที่นำเข้าจาก”ชายแดน”ฝั่ง” สปป.ลาว” เข้ามาทาง จ.มุกดาหาร ,หนองคาย มี”ศูนย์กลางอยู่ที่ จ.อุดรธานี ก่อนที่จะ”กระจาย” เข้าสู่ จังหวัดต่างๆของประเทศไทย ซึ่งในพื้นที่ของ “ชายแดนด้านฝั่ง สปป.ลาว มี “เสี่ยชาติ” เป็น”นายทุนใหญ่ ที่ใช้”วิธีการ”ร่วมมือกับ”หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้”ใบเสร็จ” ในการ “เสียภาษี” ในการ”หมุนเวียน” เพื่อการ”ขนสินค้าเถื่อน”
มี “โกดัง” เก็บของอยู่ในพื้นที่ อ.กำแพงแสน อ.บางเลน จ.นครปฐม ก่อนที่จะ กระจายลงสู่พื้นที่ต่างๆ ซึ่ง เจ้าหน้าที่ หลายฝ่ายรู้ดี แต่ไม่มีการ”แตะต้อง” อาจเพราะไม่มี นโยบาย จาก”ฝ่ายการเมือง” ฝ่ายประจำ ทุกหน่วยที่เป็นคนใน”เครื่องแบบ”จึง”อิ่มหมีพีมัน” จน”พุงปลิ้น”
และรายใหญ่ที่สุดในการนำเข้า”หอม, กระเทียม จากประเทศจีนเข้ามา”ทางเรือ” เป็น”ตู้คอนเทนเนอร์” โดยมีการ”สำแดงเท็จ” ในการนำเข้า เช่นเดียวกับ”สินค้าจากจีน” อีกมากมาย ที่”จำหน่าย” ในประเทศไทย ด้วยการ”สำแดงเท็จ” และนำเข้ามา”ขายส่ง” ที่”ตลาดไทย” ในราคาที่ถูกกว่า “หอม –กระเทียม” ของเกษตรกรไทย
ก็ เห็นด้วย และ สนับสนุน ให้ “ผู้กองมนัส” ดำเนินการอย่าง”จริงจัง” เพื่อเป็นการช่วย”ต่อลมหายใจ” ให้กับ”เกษตรกร” ที่จะได้ขายผลผลิตในราคาสูงขึ้น ขออย่างเดียว มาตรการนี้ ต้องไม่มีการ”ซ่อนมือใต้ผ้า” เพื่อ”สร้างมูลค่าเพิ่ม”ให้กับ “เจ้าหน้าที่” และ”ฝ่ายการเมือง”
และ สุดท้ายเรื่องที่ “ผู้กองมนัส” มีการประกาศว่าจะเอาที่ดินที่เป็น สปก.4-01 ทั่วประเทศ หลายล้านไร่ มาออกเป็น”โฉนด” เพื่อสร้าง”มูลค่า” ให้กับ ผู้ที่ถือครอง “สปก.4-01 ประเด็นนี้ต้อง มีมาตรการที่”รอบคอบชัดเจน” เพราะ วันนี้ที่ดิน สปก.4-01 จำนวนกว่า ร้อยละ 70 ถูก”คนจน” ที่เป็นเจ้าของ”แต่เดิม” ขายให้กับ”นายทุน” หรือคนในพื้นที่ซึ่ง”พอมีอันจะกิน” ไปหมดแล้ว การออก”โฉนด” จึงต้อง”ละเอียดรอบคอบ” ต้องการ”ตรวจสอบ”ว่า ผู้ที่เข้าไป”ครอบครอง” ที่ดินของ”สปก 4-0 1 เป็น “เจ้าของเดิม” ผู้เป็น”คนจน” หรือมีการ”เปลี่ยนมือ” ไปอยู่กับ”นายทุน” และ”คนมีอันจะกิน”ไปแล้ว โดยเฉพาะ ใน”ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” ที่ดิน”สปก.4-0 1 มีการ”เปลี่ยนมือ” ไปอยู่กับ”นายทุน” มาตั้งนานแล้ว
เพราะการที่ รัฐบาล หลายชุด ที่ผ่านมา ไม่มีนโยบายให้”สปก.4-0 1 ให้เป็น”โฉนด” เนื่องจากไม่ต้องการให้”เจ้าของที่ดิน” ที่เป็น”คนจน” นำที่ได้ไป “จำหน่ายจ่ายโอน” หลังได้รับ”โฉนด” และต้องการให้ที่ดิน”สปก.4-0 1 เป็น “มรดกตกทอด” ให้กับคนใน”ตระกูล” เพื่อเป็นที่”ทำกิน” อย่างถาวร
เรื่องนี้ถ้า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไม่มีการ”ตีกรอบ” ที่”ถูกต้อง” การนำที่ดินที่เป็น”สปก.4-0 1 มาเป็น”โฉนด” จะเป็นการ”เอื้อประโยชน์” ให้กับ”นายทุน” ที่ไม่ต่างกับที่”พรรคประชาธิปัตย์” เคยแจกที่ดิน”สปก.4-90 1” ให้กับ”เศรษฐี “ เมื่อ หลายสิบปีที่ผ่านมา นั่นเอง
นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา