ดารานักบู๊ชื่อดังระดับฮอลิวูด “จา พนม” บวงสรวงพระพรหมองค์ใหญ่วัดช่องแสมสาร จัดสร้างเหรียญพระพรหม
วันที่ 14 มิถุนายน 2566 “คุณจา พนม ยีรัมย์” หรือ “โทนี่ จา” ดารานักแสดงหนังบู๊ชื่อดังระดับฮอลลีวูดของไทย เดินทางมาพร้อมทีมงาน เข้าสักการะพระครูวิสารทสุตากร เจ้าคณะตำบลพลูตาหลวง/เจ้าอาวาสวัดช่องแสมสาร เพื่อขออนุญาตทำพิธีบวงสรวงท้าวสหัมบดีพรหมองค์ใหญ่ ในวัดช่องแสมสาร เพื่อจัดสร้างเหรียญพระพรหม โดยในวันนี้เป็นพิธีบวงสรวงวาระแรก และจะมีอีก 2 วาระที่วัดขนอน และจะเปิดจองเหรียญพระพรหมที่วัดขนอน จ.อยุธยา รวมถึงในต่างประเทศด้วย อาทิ จีน ฮ่องกง ใต้หวัน สิงคโปร ในวันที่ 5 ส.ค.66
คำว่า “พระพรหม” ในทางพระพุทธศาสนา หมายถึงท่านผู้มีความเพียรกล้า ทรงไว้ซึ่งปัญญาเกินสามัญชน ปรารถนาจะพ้นจากกิเลสานุสัย แล้วบังเกิดอยู่ที่พรหมภูมิ ไม่ข้องในกาม เรื่องราวของพระพรหมได้ผสมผสานเล่าขานสืบต่อกันมา ตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงปัจจุบัน การสร้างเทวรูปของท้าวมหาพรหมณ์ นิยมสร้างสี่หน้า สี่มือ หรือแปดหน้า แปดมือถือของต่างๆ กัน เช่น ช้อนตักไขเนยลงในไฟ หม้อน้ำสำหรับใส่น้ำจากแม่น้ำคงคา คัมภีร์พระเวท เทพศัสตรา คทาอาญาสิทธิ์ ศรและลูกธนู พรศอคล้องประคำ พรกายสีแดงหรือสีขาว ปัจจุบันนิยมสร้างมีกายเป็นสีทอง มีม้าหรือหงส์เป็นพาหนะ
ที่วัดช่องแสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พระครูวิสารทสุตากร เจ้าคณะตำบลพลูตาหลวงและเจ้าอาวาส ได้ร่วมกับคณะผู้มิจิตศรัทธา สร้างท้าวสหบดีพรหม (มหาพรหม) ขนาดหน้าตักกว้าง 7.88 เมตร ซึ่งได้ทำพิธีอัญเชิญท้าวสหบดีพรหมประดิษฐานบนแท่นศิลา ณ วัดช่องแสมสาร เมื่อวันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน 2554 โดยทำพิธีอัญเชิญท้าวมหาพรหมลงประดิษฐาน ณ แท่นศิลา และสักการะด้วยพวงมาลัยความยาว 199 เมตร พร้อมด้วยพระสงฆ์ 108 รูป เจริญชัยมงคลคาถา โดยมี นางสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในขณะนั้น และนายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ในขณะนั้น เป็นประธานในพิธี
พระครูวิสารทสุตากร เจ้าคณะตำบลพลูตาหลวง/เจ้าอาวาสวัดช่องแสมสาร บอกว่า ในพระพุทธศาสนานั้น ยอมรับว่าพระพรหมเป็นเทพที่ปกป้องพระพุทธศาสนา เข้ามาเกี่ยวข้องกับพระบรมศาสดาหลายหนด้วยกัน เห็นง่ายๆ ก็คือ การอาราธนาให้แสดงธรรมเป็นเจ้าแรก ดังปรากฏในบทอาราธนาเทศน์ว่า “พรหมาจโลกาธิปติ สหัมปติ” อันเป็นการระลึกถึงการอาราธนาธรรม ของพระสหัมบดีพรหมนั่นเอง อีกทั้งหลักธรรมในพระพุทธศาสนา ข้อหนึ่งก็เป็นพรหมวิหารคือ ธรรมะที่พระพรหมถือปฏิบัติเป็นประจำ และผู้ที่จะได้ไปเป็นพรหมก็ต้องปฏิบัติเช่นนั้น คือ 1.เมตตา คือ มีความสงสารและเห็นใจผู้ที่ด้อยกว่าและร้องขอความช่วยเหลือ 2.กรุณา คือ ให้การสงเคราะห์ตามควรแก่กรณีที่จะทำได้ 3.มุทิตา คือ ให้ด้วยความบริสุทธิ์ไม่หวังในสิ่งตอบแทนภายหลังและให้โดยทั่วกัน และ 4.อุเบกขา คือ ความเที่ยงธรรมไม่ลำเอียงเห็นแก่หน้าหรือการให้ความเสมอภาคนั่นเอง
ภาพ/ข่าว เจี๊ยบโฟกัสมีเดีย