AIS – GC เดินหน้าขับเคลื่อนเป้าหมายการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามแนวคิด ESGดึงศักยภาพดิจิทัลโครงข่ายอัจฉริยะ ยกระดับกระบวนการทำงานด้วยเทคโนโลยีโซลูชันสีเขียว มุ่งสร้างต้นแบบองค์กรยั่งยืน และแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมแบบองค์รวม

AIS – GC เดินหน้าขับเคลื่อนเป้าหมายการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามแนวคิด ESGดึงศักยภาพดิจิทัลโครงข่ายอัจฉริยะ ยกระดับกระบวนการทำงานด้วยเทคโนโลยีโซลูชันสีเขียว มุ่งสร้างต้นแบบองค์กรยั่งยืน และแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมแบบองค์รวม

จากวิสัยทัศน์ของ AIS และ GC ที่มีเป้าหมายเดียวกันในการพัฒนาอย่างยั่งยืน มุ่งสร้างคุณค่าและการเติบโตให้กับธุรกิจ โดยคำนึงถึงการรักษาสมดุลตามแนวคิด ESG ทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และหลักบรรษัทภิบาลที่ดี จึงเป็นที่มาของการลงนามความร่วมมือของ AIS และ GC ในครั้งนี้ โดยมีเป้าหมายร่วมกันสร้างต้นแบบองค์กรที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ตั้งแต่การนำโครงข่ายอัจฉริยะ ด้วยระบบ IoT และ 5G โซลูชัน มาเพิ่มขีดความสามารถยกระดับกระบวนการทำงานเพื่อประหยัดพลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สู่การเป็น Smart Operations และโรงงานอัจฉริยะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่การการแบ่งปันองค์ความรู้การบริหารจัดการขยะทั้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ และพลาสติกใช้แล้วผ่านแพลตฟอร์มที่จะทำให้การสร้างการตระหนักรู้กับผู้บริโภค รวมถึงกระบวนการจัดการขยะมีประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มได้ในอนาคต


นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวว่า “การดำเนินธุรกิจ AIS มุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศให้มีความแข็งแกร่งด้วยการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอนวัตกรรมการสื่อสารและบริการดิจิทัลใหม่ๆ ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้น สามารถใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์และปลอดภัย ควบคู่ไปกับการสร้างคุณค่าทั้งในด้านการนำดิจิทัลขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างการเข้าถึงดิจิทัลให้ทุกคนในสังคม พร้อมดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประกอบกับการที่ AIS เรามีความเชื่อในเรื่องของการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ ทำให้วันนี้ AIS ยังคงสร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นกับทุกภาคส่วน ภายใต้การทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์โดยมุ่งใช้จุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาสร้างประโยชน์ในด้านต่างๆ ให้แก่คนไทยและประเทศ


ดังเช่นความร่วมมือกับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากลและมีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ ด้วยการใช้ศักยภาพของ Digital Infrastructure หรือโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเทคโนโลยีที่มีความแข็งแรง มาขับเคลื่อนแผนการดำเนินธุรกิจด้านความยั่งยืนในแกนด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งในเรื่องของการศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยี IoT&5G Solutions มาประยุกต์ใช้ในธุรกิจของ GC Group อาทิ โซลูชันที่ช่วยบริการจัดการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยคาร์บอน โดยใช้ข้อมูลแบบ Real-time จากอุปกรณ์ IoT เพื่อให้สามารถตัดสินใจวางแผนการทำงานและกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกเหนือจากนี้เรายังพัฒนาความร่วมมือในการบริหารจัดการวัสดุใช้แล้ว หรือแม้แต่ขยะทั้ง E-Waste และ พลาสติกใช้แล้วด้วยเครื่องมือด้านดิจิทัลแพลตฟอร์ม ผ่านกิจกรรมที่มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคอย่าง Green University ทิ้งเทิร์นให้โลกจำ ที่กำลังดำเนินการร่วมกับมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

โดยเราเชื่อว่าความร่วมมือกับ GC ในครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญที่จะต่อยอดแนวทางการดำเนินเพื่อความยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อมของทั้งสององค์กรให้เห็นผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น”


ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC กล่าวว่า “GC มุ่งดำเนินธุรกิจอย่างสมดุล ทั้ง 3 ด้าน ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลที่ดี (ESG) มาอย่างต่อเนื่อง มุ่งสู่ Low Carbon & High Value Business เพื่อสร้างความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจอย่างแท้จริง พร้อมร่วมมือกับพันธมิตรที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน วันนี้ GC จับมือกับ AIS เพื่อนำจุดแข็งจากทั้ง 2 องค์กร มาร่วมกันต่อยอดธุรกิจและพัฒนาด้านความยั่งยืน ภายใต้การศึกษาการดำเนินงานร่วมกันในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อประหยัดพลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สำหรับด้านการบริหารจัดการพลาสติกใช้แล้วแบบครบวงจร GC มี YOUเทิร์น แพลตฟอร์ม ที่สามารถช่วยส่งเสริมการสร้างความรู้ความเข้าใจในการบริหารจัดการวัสดุใช้แล้วอย่างถูกวิธีผ่านแคมเปญความร่วมมือในการบริหารจัดการพลาสติกใช้แล้วและขยะอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ยังร่วมกันสนับสนุนและส่งเสริมการจำหน่ายผลิตภัณฑ์รีไซเคิลและสินค้าอัพไซคลิ่งผ่านช่องทาง Online Platform เพื่อขยายผล สร้างการรับรู้สู่สังคมวงกว้าง สร้างความตระหนักรู้ พร้อมกระตุ้นจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมแก่ประชาชนในการคัดแยกและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับขยะประเภทต่างๆ อีกด้วย”
การจับมือกันในครั้งนี้ จะทำให้ทั้ง 2 บริษัทฯ สามารถร่วมกันพัฒนาต่อยอดธุรกิจ ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม ในฐานะ Good Corporate Citizen เพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืนต่อไป

Related posts