นครปฐม-ตำรวจภูธรภาค 7 แถลงผลระดมจับกุมความผิดอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืนที่ผิดกฎหมาย และผลการจับกุมคดียาเสพรายสำคัญในพื้นที่ภาค 7 พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 5 แสนเม็ด ไอซ์ 40 กก.และของกลางจำนวนมาก
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บริเวณด้านหน้าอาคารที่ทำการตำรวจภูธรภาค 7 อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค7 นายยงยุทธ สวนทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วยรองบัญชาการตำรวจภูธรภาค7 และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลถลงผลระดมจับกุมความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน การจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืนโดยผิดกฎหมาย (On Ground) และจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน ผ่านระบบออนไลน์และโซเซียลมีเดียโดยผิดกฎหมาย (Online) ระหว่างวันที่ 1 – 5 ก.พ.66 ที่ผ่านมา โดยแยกความผิด
1. ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน จำนวน 582 คดี ผู้ต้องหา จำนวน 578 คน
2. ความผิดเกี่ยวกับจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน ( On Ground ) จำนวน 2 คดี ผู้ต้องหา จำนวน 2 คน อาวุธปืนมีทะเบียน จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน จำนวน 1 นัด
3. ความผิดเกี่ยวกับจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน ( Online) จำนวน 4 คดี ผู้ต้องหา จำนวน 4 คน และผลการจับกุมคดียาเสพรายสำคัญในพื้นที่ภาค 7 ผู้ต้องหาจำนวน 7 คน ช.4 ญ.3 พร้อมของกลาง ยาบ้าจำนวน 264 มัด รวมประมาณ 528,000 เม็ด ไอซ์ จำนวน 40 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 40 กิโลกรัม รถยนต์จำนวน 7 คัน อาวุธปืนจำนวน 2 กระบอก และอื่นๆ อีกหลายรายการ)
สำหรับผลการจับกุมคดียาเสพติด ชุดจับกุมสืบสวนทราบว่า พื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดนครปฐม มีกลุ่มเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติด(ยาบ้า) จากประเทศเพื่อนบ้านเข้าสู่พื้นที่ตอนใน ทางด้าน อ.สังขละบุรี และสืบสวนทราบว่า หนึ่งในขบวนการกลุ่มเครือข่ายนายโก๊ะ มีนายวิเชียรหรือตั้มฯ และ น.ส.หฤทัยชลหรืออ้อย ฯ เป็นผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนใน ส่วนวันเวลาก่อนการจับกุมประมาณ 1 เดือน ทราบว่า นายโก๊ะ สั่งการให้ น.ส.หฤทัยชลฯ กับพวก ขับขี่รถยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า ซิตี้ สีดำ ทะเบียน 6กท-4926 กรุงเทพมหานคร มุ่งหน้าเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้านเพื่อนำยาเสพติดซุกซ่อนภายในรถยนต์ โดยมีการทำช่องลับซุกซ่อนยาเสพติด ซึ่งทำการจับกุมเมื่อวันที่ 3 ก.พ.2566 ที่ผ่านมา ณ ถนนแสงชูโต ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ต่อเนื่อง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ต่อเนื่อง อู่ทำสีรถยนต์ ซอยตลาดเทศบาลเมืองสามพราน อ.สามพราน และต่อเนื่อง บ้านเลขที่ 44/128 หมู่ที่ 8 ต.ท่าตลาด อ.สามพราน จ.นครปฐม
ซึ่งเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม เมื่อ 3 ก.พ.2566 ทราบว่า น.ส.หทัยชลฯกับพวก เดินทางไป อ.สังขละบุรี และขับขี่รถยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า ซิตี้ สีดำ ทะเบียน 6กท-4926 กรุงเทพมหานคร มุ่งหน้ามาเขต อ.เมือง จ. กาญจนบุรี ชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด ภาค.7 ได้สะกดรอยติดตาม ต่อมาพบรถยนต์คันดังกล่าว ในเขตพื้นที่ อ.ไทรโยค จึงแสดงตัวขอตรวจค้น มียาเสพติด( ยาบ้า) ซุกซ่อนอยู่ แต่ยังไม่ทราบปริมาณ จึงควบคุมตัวและนำยานพาหนะรถยนต์มาตรวจค้นยังสถานที่ทำการเขต อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จากการตรวจค้นพบ ยาบ้าซุกซ่อนอยู่ บริเวณที่ใส่ยางอะไหล่ซึ่งดัดแปลงเป็นจุดซุกซ่อน มีแผ่นเหล็กเชื่อมปิดทับอำพราง ตรวจนับมีจำนวน 245 มัด (รวม 490,000 เม็ด )
และนางสาวหทัยชลฯรับว่านายโก๊ะ สั่งการให้นำรถยนต์คันดังกล่าวซึ่งมียาบ้าซุกซ่อนอยู่ นำไปส่งมอบให้นางสาวอัญชลีหรือบุ๋มฯ บริเวณลานจอดรถ ห้างสรรพสิค้าโรบินสัน อ.เมืองกาญจนบุรี ชุดจับกุมจึงควบคุม และนำรถยนต์คันดังกล่าวไปจอดบริเวณลานจอดรถ
ต่อมานางสาวอัญชลีหรือบุ๋มฯ ได้เข้ามาขับขี่รถยนต์คันดังกล่าว ชุดจับกุมจึงแสดงตัวและควบคุมตัวไว้ สอบถามนางสาวอัญชลีฯรับว่า ภายในรถยนต์คันดังกล่าวมียาบ้าซุกช่อนอยู่ และจะต้องขับขี่ น้ำรถยนต์ไปส่งมอบให้กับนายวิเชียรฯหรือตั้ม ซึ่งนัดหมายกันไว้ที่อู่ทำรถยนต์ ซอยตลาดเทศบาลสามพราน อ.สามพราน จ.นครปฐม ชุดจับกุมจึง เดินทางไปพร้อมกับนางสาวอัญชลีฯ โดยนำรถยนต์เก๋งคันดังกล่าว ซึ่งมียาบ้าซุกซ่อนอยู่ไปส่งมอบ เมื่อไปถึงพบนายวิเชียรหรือตั้มฯ นายพัฒน์หรือแชมป์ฯและนายตะวันหรือโรจน์ฯ อยู่ภายในอู่ จึงตรงเข้าไปแสดงตัวและขอตรวจคัน จากการตรวจค้นตัวนายตะวันฯ พบอาวุธปืน ขนาด .38 อยู่บริเวณเอวด้านขวา พบยาเสพติด ( ไอซ์) 10 กก. บรรจุถุงพลาสติกสีน้ำตาล วางอยู่บริเวณจุดที่บุคคลทั้งสามนั่งอยู่ สอบถามนายวิเชียรฯรับว่า นัดหมายกับนางสาวอัญชลีฯ นำยาบ้ามาส่งมอบให้ทราบว่ามีปริมาณ 250 มัด ( 500,000 เม็ด ) ตรวจค้นภายในรถยนต์ซึ่งจอดอยู่บริเวณอู่ พบยาเสพติด ( ไอซ์ ) อีกจำนวน 29 กก. ภายในรถยนต์เก๋งยี่ ห้อแคมรี่ สีขาว นำตัวนายวิเชียรฯไปตรวจค้นบ้านพัก พบยาเสพติด ไอซ์ 1 กก. ยาบ้า 19 มัด ( 38,000 เม็ด ) จึงตรวจยึดไว้และจับกุมตัว พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ไว้เป็นของกลาง และนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดมาสอบสวนขยายผล และตรวจยึดทรัพย์สิน ดำเนินการตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด ฯ ต่อไป
พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค7 กล่าวว่า ผบตร. ได้มีการสั่งการกวาดล้างอาชญากรรมช่วงก่อนการเลือกตั้ง ตร.ภ.7 จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกประเภท โดยเน้นหนักอาวุธปืน อาวุธสงคราม และวัตถุระเบิด รวมถึงผู้ต้องหาที่มีหมายจับคดีค้างเก่า ทั้งนี้ในด้านการป้องกันยาเสพติด ตร.ภ.7จะดำเนินการขับเคลื่อนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยบูรณาการร่วมกันทั้งฝ่ายปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัด ทหาร ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำท้องถิ่น ในการเร่งรัดดำเนินการชุมชนเข้มแข็ง แสกนพื้นที่หาผู้เสพ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่า ตร.ภ.7 จะทำงานกันเป็นทีม ทำการขยายผล สืบทรัพย์ ปราบปรามการฟอกเงิน โดยจะทำการทุกมิติ โดยเฉพาะผู้ค้ายาเสพติดต้องไม่มีที่ยืนในพื้นที่ ภาค 7 เราจะดำเนินการทุกมาตรการโดยใช้ยาแรง มีการปิดล้อมตรวจค้นอย่างต่อเนื่อง