ททท. ต้อนรับเที่ยวบินปฐม ฤกษ์ สายการบิน flydubai เส้นทางดูไบ – อู่ตะเภา สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน
วันนี้ ( 20 มกราคม 2566 ) เวลา 19.45 น. (ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง-พัทยา) – การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานดูไบ ร่วมกับสายการบิน flydubai เปิดเส้นทางบินดูไบ – อู่ตะเภา (ระยอง-พัทยา) โดยเส้นทางบินดังกล่าวเป็นการขยายเส้นทางบินระหว่างประเทศ เปิดเส้นทางบินตรงจากเมืองดูไบสู่ภูมิภาคตะวันออกของประเทศไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งจะให้บริการ 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ด้วยเครื่องบินแบบ Boeing 737 Max-8 ความจุโดยสาร 172 ที่นั่งต่อเที่ยวบิน
โดยมี พลเรือเอกระพีพงษ์ โสวรรณ ผู้อำนวยการ การท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง-พัทยา พร้อมด้วย นางสาวทิฐิพันธ์ เพ็ชรตระกูล รองนายกเมืองพัทยา นางสาวอโนมา วงษ์ใหญ่ ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานพัทยา และตัวแทนภาคการท่องเที่ยวพัทยา ร่วมให้การต้อนรับสายการบิน flydubai เที่ยวบินที่ FZ1445 บินตรงจากเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พร้อมผู้โดยสารจำนวน 158 คน โดยได้ส่งมอบความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว ตั้งแต่เดินทางถึงประเทศไทยด้วยอุโมงค์น้ำ (Water Salute) การแสดงศิลปวัฒนธรรมรำกลองยาวจากสวนนงนุช และมอบพวงมาลัยดอกไม้เป็นของที่ระลึก
พร้อมกันนี้ ททท. ยังได้จัดกิจกรรมสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวสำหรับ Blogger สายท่องเที่ยว จำนวน 6 รายที่เดินทางมาในเที่ยวบินปฐมฤกษ์ เพื่อสนับสนุนการผลิตเนื้อหาประชาสัมพันธ์เที่ยวบินและการเดินทางท่องเที่ยวประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 20-22 มกราคม 2566 โดย ททท. นำเสนอเส้นทางท่องเที่ยวที่นำเสนอประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบ Family Friendly และ Luxury ที่แตกต่าง มีคุณค่า และน่าประทับใจในพื้นที่พัทยา จังหวัดชลบุรีปีที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม 2565 มีนักท่องเที่ยวชาวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เดินทางมายังประเทศไทยแล้ว 65,847 คน ถือเป็นตลาดนักท่องเที่ยว 1 ใน 20 อันดับประเทศที่เดินทางมาประเทศไทย เป็นตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีการใช้จ่ายสูง
และเดินทางเป็นครอบครัวใหญ่ ทั้งนี้ ด้วยปัจจัยของการขยายเปิดเส้นทางบิน ททท. คาดการณ์ว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เดินทางเข้าประเทศไทย ตลอดปี 2566 ประมาณ 150,000 คน และมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางประมาณ 90,000 บาทต่อทริป สร้างรายได้ทั้งสิ้น 13,500 ล้านบาท อีกทั้ง ททท. เตรียมกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ปี 2566 เจาะกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวใหม่ (กลุ่ม First Visit และ กลุ่ม Luxury) เพื่อกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวภูมิภาคตะวันออกกลางให้เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยในอนาคตอันใกล้มากยิ่งขึ้นต่อไป