อีสท์ วอเตอร์ เดินหน้าเพิ่มศักยภาพโครงข่ายท่อส่งน้ำ เน้นให้บริการน้ำครบวงจรแบบเบ็ดเสร็จ

อีสท์ วอเตอร์ พร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงข่ายท่อส่งน้ำ เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการในพื้นที่ EEC รองรับการเติบโตและความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้น พร้อมมุ่งเน้นการให้บริการน้ำครบวงจรที่ครอบคลุมแบบเบ็ดเสร็จด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ทันสมัย ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้น้ำในทุกรูปแบบ

นายเชิดชาย ปิติวัชรากุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรืออีสท์ วอเตอร์ เปิดเผยว่า อีสท์ วอเตอร์ เดินหน้าสร้างความมั่นคงด้านน้ำอย่างเต็มที่ เพื่อศักยภาพโครงข่ายท่อส่งน้ำ เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำ 2 เส้นหลัก ได้แก่ ท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ-แหลมฉบัง และท่อส่งน้ำมาบตาพุด-สัตหีบ เพิ่มเติมอีกประมาณ 120 กิโลเมตร พร้อมสถานีสูบน้ำเพิ่มเติม เพื่อให้มีความสามารถในการสูบส่งประมาณ 350,000 ลบ.ม. ต่อวัน เกิดเป็นโครงข่ายท่อส่งน้ำขนาดใหญ่ หรือ Water Grid ที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งแรกและแห่งเดียวที่สมบูรณ์ที่สุดในอาเซียน ความยาวรวม 512 กิโลเมตร เชื่อมโยงแหล่งน้ำสำคัญในภาคตะวันออกเกือบทั้งหมด เชื่อมโยง 2 ลุ่มน้ำใน 4 จังหวัด เสริมสร้างความมั่นคงในการบริหารจัดการน้ำ เพื่อให้บริการลูกค้าและรองรับความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม

อีสท์ วอเตอร์ มีแผนเพิ่มศักยภาพแหล่งน้ำต้นทุน ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อสร้างเสถียรภาพของแหล่งน้ำดิบ อันจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้น้ำในระยะเวลา 20 ปีข้างหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อผู้ใช้น้ำ โดยแหล่งน้ำที่นำมาใช้บริหารจัดการเป็นน้ำผิวดินที่มาจากแหล่งน้ำต่างๆ แหล่งน้ำหลัก ได้แก่ อ่างเก็บน้ำหนองค้อ อ่างเก็บน้ำดอกกราย อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล อ่างเก็บน้ำประแสร์ อ่างเก็บน้ำบางพระ แม่น้ำบางปะกง และแหล่งน้ำเอกชน รวมถึงยังมีแหล่งน้ำสำรองที่มีใว้เพื่อเสริมความมั่นคงของแหล่งน้ำหลัก ได้แก่ สระสำรองน้ำสำนักบก สระสำรองน้ำฉะเชิงเทรา สระสำรองน้ำดิบทับมา รวมถึงมีการดำเนินการวางท่อส่งน้ำดิบหลักคลองหลวง-ชลบุรี เพื่อเพิ่มศักยภาพแหล่งน้ำในพื้นที่ชลบุรี

อีสท์ วอเตอร์ พัฒนา และยกระดับการให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้น้ำให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้น้ำแต่ละราย ให้บริการธุรกิจน้ำครบวงจรให้แก่กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ทั้งใน และนอกพื้นที่ภาคตะวันออก มีรูปแบบการให้บริการน้ำครบวงจร ได้แก่ น้ำดิบ น้ำประปา น้ำอุตสาหกรรม การบำบัดน้ำเสีย และการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ เน้นความต้องการของผู้ใช้น้ำเป็นหลัก เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ รูปแบบสัญญาเป็นรูปแบบสัญญาระยะยาวที่มีอายุสัญญาระหว่าง 15-30 ปี สัญญาบริการตอบสนองความต้องการทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสัญญาในรูปแบบ BOT (Build Operate Transfer) สัญญาในรูปแบบ BOO (Build Own Operate) และสัญญาในรูปแบบ O&M (Operate and Maintenance) อีสท์ วอเตอร์ พร้อมให้บริการน้ำครบวงจรด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยีการบริหารจัดการน้ำที่ทันสมัย ภายใต้การออกแบบระบบที่เหมาะสมกับผู้ใช้น้ำแต่ละราย

อีสท์ วอเตอร์ มีขีดความสามารถในการให้บริการส่งจ่ายน้ำในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC ทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยในปัจจุบันอีสท์ วอเตอร์ เดินหน้าและให้การสนับสนุนโครงการภายใต้การดูแลของ EEC 2 โครงการสำคัญดังนี้ การให้บริการน้ำครบวงจรเต็มรูปแบบให้แก่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา (EECA) และ การให้บริการผลิตน้ำประปาให้แก่โครงการวังจันทร์ วัลเลย์ (EECI) รวมถึงการให้บริการน้ำดิบที่จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 30 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และการให้บริการน้ำครบวงจรเพิ่มขึ้นมากกว่า 37 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี

นอกจากนี้ อีสท์ วอเตอร์ยังได้รับมอบประกาศนียบัตรเพื่อประกาศเกียรติคุณให้กับบริษัทที่ได้รับการรับรองจากแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต หรือ CAC โดยเป็นหนึ่งใน 28 บริษัทที่ผ่านการต่ออายุการรับรองครั้งที่ 2 เน้นการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพ โปร่งใส ยอมรับการมีส่วนร่วม และตรวจสอบได้ 30 ปีที่ผ่านมา อีสท์ วอเตอร์ดำเนินธุรกิจอยู่บนพื้นฐานความโปร่งใส บรรษัทภิบาล และความยั่งยืน รวมถึงการคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อบรรลุเป้าหมายในการบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอต่อทุกภาคส่วน ตลอดจนพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนให้เติบโตอย่างยั่งยืน

นายเชิดชาย กล่าวเพิ่มเติมว่า “เรายังคงยึดมั่นภารกิจในการบูรณาการการบริหารจัดการระบบท่อส่งน้ำดิบในพื้นที่ภาคตะวันออก เน้นความเป็นเอกภาพและเสถียรภาพ รวมถึงดูแลบำรุงรักษาระบบท่อส่งน้ำให้สามารถตอบสนองความต้องการการใช้น้ำได้อย่างเพียงพอ ทันต่อเหตุการณ์ และสามารถขยายระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในปัจจจุบันและอนาคต จึงมั่นใจได้ว่าอีสท์ วอเตอร์จะยังคงเติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน สร้างความมั่นคงและเสถียรภาพด้านน้ำ ตามวิสัยทัศน์เป็นผู้นำในการบริหารจัดการน้ำครบวงจรของประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่อีสท์ วอเตอร์ ยึดมั่นมาโดยตลอดระยะเวลา 30 ปี”

 

Related posts