แบ่งสาย “เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็กทริค คัพ 2022” ไทยแชมป์เก่าร่วมบู๊ ปินส์-อินโดฯ
เมื่อวันที่ 30 ส.ค.65 ที่โรงแรมแชงกรีล่า ประเทศไทย สหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน หรือ เอเอฟเอฟ จับสลากแบ่งสายการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซี่ยน ครั้งที่ 14 หรือชื่อรายการใหม่ “เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็กทริค คัพ 2022” โดยมี “มิตซูบิชิ อิเล็กทริก” บริษัทผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ไฟฟ้าชั้นนำระดับโลกเป็นสปอนเซอร์หลักการแข่งขัน
งานนี้ได้รับเกียรติจาก ผู้บริหารระดับสูงของมิตซูบิชิ อิเล็กทริค คุณคุนิฮิโกะ เซะกิ ผู้บริหาร และตัวแทนภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก พร้อมด้วย พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และ มร.เคียฟ ซาเมธ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน หรือ เอเอฟเอฟ ร่วมพิธีจับสลากการแข่งขันในครั้งนี้ โดยมี มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือทีมชาติไทย ชุดใหญ่ แชมป์เก่า , คุณพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และ กรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการประธานบริษัท ไทยลีก จำกัด มาร่วมเป็นสักขีพยานอีกด้วย
โดยการแข่งขันหนนี้มี 10 ชาติอาเซียนเข้าร่วมชิงชัย ซึ่งการแบ่งโถ ทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ในฐานะแชมป์เก่า อยู่ในโถ 1 ร่วมกับเบอร์หนึ่งอาเซียน ทีมชาติเวียดนาม ขณะที่โถที่ 2, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์ ด้านโถที่ 3 สิงคโปร์, อินโดนีเซีย ส่วนโถที่ 4 เมียนมา, กัมพูชา และโถที่ 5 สปป.ลาว, ติมอร์ เลสเต หรือ บรูไน
สำหรับผลการจับสลากซึ่งแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 5 ทีม มีดังนี้
สายเอ : ไทย (แชมป์เก่า), ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, กัมพูชา, ติมอร์ เลสเต หรือ บรูไน
สายบี : เวียดนาม, มาเลเซีย, สิงคโปร์, เมียนมา, สปป.ลาว
รูปแบบการแข่งขันจะกลับไปใช้แบบเดิม คือ ระบบเหย้า-เยือน, ไม่มีชาติเจ้าภาพ โดยรอบแรกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 5 ทีม แต่ละทีมจะต้องเล่นเป็นทีมเยือน 2 นัด และทีมเหย้า 2 นัด ขณะที่ รอบรองชนะเลิศกับรอบชิงชนะเลิศ จะเตะแบบเหย้า-เยือน รอบละ 2 นัด ซึ่งมีกำหนดการแข่งขันระหว่างวันที่ 20 ธ.ค.65 – 16 ม.ค.66
สำหรับศึกลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของภูมิภาคอาเซียน จัดขึ้นมาแล้วทั้งหมด 13 ครั้ง ทีมชาติไทย คว้าแชมป์ได้มากที่สุด 6 สมัย (ปี 1996, ปี 2000, ปี 2002, ปี 2014, ปี 2016, ปี 2020) รองลงมาเป็นทีมชาติสิงคโปร์ 4 สมัย (ปี 1998, ปี 2004, ปี 2007, ปี 2012) ส่วนทีมชาติเวียดนาม 2 สมัย (ปี 2008, ปี 2018) และทีมชาติมาเลเซีย 1 สมัย (ปี 2010)
พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยว่า “ฝากถึงนักฟุตบอลทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ ทำให้ดีที่สุดให้แฟนบอลมีความสุข
ทุกกลุ่มมีความสำคัญ ไม่ใช่ว่ากลุ่มไหนดีกว่ากลุ่มไหน เพราะฟุตบอลยุคสมัยนี้ทุกประเทศก็พัฒนากันหมดแล้ว อย่าไปดูแคลนชาติไหนที่ไปแข่ง ทุกชาติมีสิทธิที่จะชนะ ทุกชาติมีสิทธิที่จะเป็นแชมป์ มีศักยภาพขึ้นมามาก ที่สำคัญคือถ้าเราอยากชนะ เราอยากเป็นแชมป์เราก็ต้องพัฒนาและทำให้ดีที่สุด”
“เรื่องปกติอยู่แล้ว เวลาการเตรียมทีม โค้ชก็ต้องมาคุยกับสมาคมว่าจะเตรียมทีมยังไง ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นเรื่องที่โค้ชต้องรับผิดชอบ ในเรื่องการเตรียมทีม เรื่องการตัดตัวนักกีฬา ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่สมาคมจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในส่วนนี้”
“ส่วนเป้าหมายของสมาคมเป็นเรื่องปกติของความคาดหวัง ความคาดหมายหรือเป้าหมาย ทุกทีมก็ต้องมีความคาดหวัง มีเป้าหมายในการแข่งขัน เหมือนกันหมดทุกชาติ ทุกทีมทุกชาติ ต้องการชัยชนะ เป็นเรื่องปกติของกีฬา เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทีมชาติไทยก็คาดหวังเช่นกันกับการแข่งครั้งนี้”