ดึงขึ้น!! จุรินทร์อัดกว่า 200 ล้าน ลุยช่วยชาวสวนลำไย “ดึงราคาขึ้น” เผยเกรดส่งออกและมัดปุ๊กราคากระเตื้องขึ้น 11-38% ส่วนรูดร่วงเกรดบี สูงกว่าปีก่อน 20%
วันที่ 3 สิงหาคม 2565 เวลา 11.50 น.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์รายการขีดเส้นใต้เมืองไทย ช่องไทยรัฐทีวี ประเด็นราคาลำไย การดูแลราคาสินค้าและราคาปุ๋ย
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ลำไยมี 2 แบบ 1.ลำไยช่อ 2.ลำไยรูดร่วง ลำไยช่อมี 2 แบบ สำหรับการส่งออกที่เรียกว่า มัดปุ๊กขายในประเทศ ซึ่งอันนี้ไม่มีปัญหาปีนี้ราคาดีกว่าปีที่แล้วเยอะ เพราะเกรดส่งออกราคาดีกว่าปีที่แล้ว 21% สำหรับเกรดมัดปุ๊กทั่วไปราคาดีกว่าปีที่แล้ว 38% สำหรับในประเทศคือภาพรวม แต่ที่มีปัญหาคือลำไยรูดร่วง เพราะปีนี้ฝนตกชุกมาก ทำให้คุณภาพต่ำลง ประกอบกับลำไยรูดร่วงส่วนใหญ่เอาไปทำลำไยอบแห้งปรากฏว่าโรงอบแห้งของไทยชะลอการรับซื้อเพราะปีที่แล้วสต๊อกของไว้เยอะและเหลืออยู่มาก และที่ซ้ำเข้ามาคือจีนชะลอการรับซื้อเพราะเก็บสต๊อกปีที่แล้วไว้เยอะ 6 เดือนแรกของปีนี้เราส่งออกลำไยอบแห้งไปจีนบวกถึง 95% เกือบ 100% ทำให้ราคาลดลงมาสำหรับบางตัว ถ้าลำไยรูดร่วงเกรด AA ราคายังได้อยู่ เกรด B ราคาบวกถึง 20% แต่มีปัญหาคือเกรด A ที่ราคาลดลงมากระทรวงพาณิชย์เข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้อยู่ใน
ตอนนี้ เกรดรูดร่วง AA ตอนนี้ปรับเพิ่มเป็น 12 – 16 บาท/กก.แล้วในภาพรวม และเกรด A ที่มีปัญหามากสำหรับรูดร่วงที่ราคาปีที่แล้ว 4-7 บาท/กก. ปีนี้เหลือ 4-6 บาท/กก. แต่กระทรวงพาณิชย์เข้าไปช่วยดูเกรด B ราคาดีกว่าปีที่แล้ว เกรด B ปีที่แล้ว 2-3 บาท/กก. ปีนี้ 2-4 บาท/กก. +20% แต่เกรด A มีปัญหาหนัก ตอนนี้ราคาขยับขึ้นเพราะกระทรวงพาณิชย์เข้าไปใช้วิธีเอาเงิน คชก.(คณะกรรมการบริหารกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร) ลงไปช่วย 200 กว่าล้านบาท โดยให้โรงงานลำไยอบแห้งช่วยรับซื้อ 100,000 ตันสดและมีจุดรับซื้อทั้งหมด 400 จุด ในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ ทำให้ราคาดีขึ้นสำหรับตัวที่มีปัญหา ส่วนเกรด AA ราคาอยู่ในช่วง 12-16 บาท/กก. เกรด A ราคาขยับขึ้นมาแต่ยังไม่ถึงกับดีมากแต่ B ขยับดีขึ้น
ตั้งแต่เดือน เม.ย.ถึง มิ.ย. ผลไม้ในภาคตะวันออกทั้งหมด เราเข้าไปช่วยเดิมตลาดใหญ่คือจีน แต่จีนมีปัญหาเรื่องด่านการขนส่งทางบกมีปัญหามาก เราปรับระบบการขนส่งให้ขนส่งทางเรือมากขึ้น และกระทรวงพาณิชย์ประสานกับสมาคมผู้ส่งออกสินค้าทางเรือ สมาพันธ์ สมาพันธ์โลจิสติกส์และเกษตรกร ล้ง ผู้ส่งออกทั้งหมดปรับ หาเที่ยวเรือและหาตู้คอนเทนเนอร์ให้ ทำให้ส่งออกไปจีนคล่องตัวมากขึ้นและราคาดีมากสำหรับปีนี้ เช่น หมอนทอง ภาคตะวันออกปี 64 ราคา 117 บาท/กก. ปีนี้เฉลี่ย 140 กว่าบาท/กก. ราคาดีขึ้น 22% ภาคใต้หมอนทอง ราคา +45% มังคุดผิวมัน +90% มังคุดคละ +114% เงาะโรงเรียน +168% สับปะรดภูแลภาคเหนือ +20% สับปะรดโรงงาน +4% ลิ้นจี่จักรพรรดิ เกรด B +19% มะม่วงน้ำดอกไม้ +100% มะม่วงคละ +เกือบ50%
ราคาที่ปรับดีขึ้นเพราะเราแก้ปัญหาทันท่วงทีและแก้ปัญหาเชิงรุก เข้าไปแก้ระบบการขนส่งทำให้ตัวเลขการส่งออกผลไม้ 6 เดือนแรกปีนี้ เพิ่มไปแตะ 120,000 ล้านบาท สำหรับตลาดจีนมีปัญหาเฉพาะการขนส่งทางบกเพราะจีนใช้นโยบาย Zero Covid ตรวจโควิดเข้มข้นมาก การส่งออกผลไม้ทางบกต้องผ่านลาวและผ่านเวียดนามเข้าด่านจีนต้องตรวจเข้มและรถติด เดี๋ยวปิด-เปิดเป็นอุปสรรคมาก ตนจึงปรับระบบการขนส่งมาใช้ทางเรือมากขึ้นประสบความสำเร็จอย่างยิ่งทำให้ระบายผลไม้ไปจีนได้คล่องตัวมากขึ้นในปีนี้ตัวเลขราคาขยับไปเยอะ
และเรื่องราคาสินค้ากำลังดูอยู่ เช่น มาม่า ไวไว ยำยำ อั้นมาเยอะแล้ว ขอขึ้นมาซองละ 2 บาท จาก 6 บาทเป็น 8 บาท ตอนนี้กรมการค้าภายในช่วยดูอยู่ว่าจะทำอย่างไรให้สมดุลที่สุด ปรับน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้จนผู้ประกอบการไม่ถึงกับขาดทุนและเลิกผลิตจะกระทบของขาด ส่วนน้ำมันปาล์มขวดตอนนี้ราคาลดลงมาเยอะจาก 70 บาท/ขวด เหลือ 53-55 บาท/ขวด และอาจมีปรับลดลงไปอีก ปุ๋ยบางตัวก็เริ่มปรับลดลง เช่น ยูเรีย แต่บางตัวยังอยู่ในระดับที่สูงอยู่เพราะราคาแก๊สธรรมชาติยังไม่ปรับลดลงมา มาก
เพราะช่วงที่ผ่านมาแก๊สธรรมชาติเพิ่มขึ้นถึง 195% และปุ๋ยก็ทำจากแก๊สธรรมชาติและค่าขนส่งก็ใช้น้ำมันทำให้ราคาสูง
และสำหรับเรื่องปริมาณสินค้าถ้าอยู่ๆไปลดปริมาณไม่ตรงกับซองหรือ packageจริงจะผิดกฎหมาย ดำเนินคดี ตนเคยเดินไปตรวจในร้านขายของด้วยตนเอง สุ่ม 10-20 ชิ้นปรากฏว่าปีที่แล้วตรงหมดทุกอัน เพราะเขาเกรงกลัวกฎหมายถ้าทำเช่นนี้จะกระทบกับการผลิตและจะถูกดำเนินคดีถึงขั้นมีโทษหนัก
กรณีนี้ไม่น่าจะเกิด ยกเว้นปรับปริมาณและปรับราคาลงมา โดยต้องแจ้งให้ตรงกับ Package จริงที่กำหนดไว้ในซอง ถุง ตั้งแต่ต้นซึ่งยังไม่เจอ แต่ถ้าใครเจอแจ้ง 1569 เพราะเจ้าหน้าที่ตรวจตราตลอด พาณิชย์จังหวัด ทีมงานลงตรวจพื้นที่ทุกวัน
และตอนนี้กำลังจะเริ่มโครงการ พาณิชย์ลดราคา!ช่วยประชาชน Lot ที่ 20 จะลดราคา 30-50% เริ่มปลายสัปดาห์นี้หรือต้นสัปดาห์หน้า ทั้งกรุงเทพฯปริมณฑลและทุกจังหวัด ทั่วประเทศ เป็นคาราวานเคลื่อนที่ขายของถูก ซึ่งทำมาแล้ว 19 Lot ครั้งนี้จะเป็น Lot ที่ 20
ที่หนักใจที่สุดในช่วงนี้คือเรื่องราคาสินค้าเพราะได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาน้ำมันราคาแก๊สเพิ่มสูงขึ้นกลายเป็นต้นทุนการผลิต การขนส่ง ผู้ประกอบการพยายามขอขึ้นราคา ขอปรับมาเป็นปีแล้ว เราพยายามตรึงราคาไว้ถ้าตัวไหนที่อั้นไม่อยู่จริงๆจะทำให้หยุดผลิตและของขาด ให้ปรับน้อยที่สุด ถ้าวันไหนต้นทุนลดลงมาก็ต้องปรับลดตนยืนยันกระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปดู เหมือนเช่นปุ๋ยบางตัวที่ราคาต้นทุนนำเข้าต่างประเทศลดราคาก็ต้องปรับลดราคาลง เราติดตามใกล้ชิด
และสำหรับแนวทางเรื่องปุ๋ยเรามี ปัญหา 2 ข้อ 1.ราคาสูงขึ้นเพราะแก๊สราคาแพงมากซึ่งเป็นวัตถุดิบกับค่าขนส่งน้ำมันซึ่งหนีไม่พ้นทั้งโลกเจอเหมือนกันหมดและ 2.คือปริมาณปุ๋ยขาดซึ่งยังไม่เกิด การบ้านข้อแรกยังไม่หนักเท่าการบ้านข้อที่สองเพราะถ้าปุ๋ยขาดจะเป็นปัญหามาก เราพยายามตรึงราคาปุ๋ยในช่วงเวลาที่ผ่านมาแต่สุดท้ายเมื่อตรึงมากไม่ให้ขึ้นราคา ปุ๋ยเริ่มจะขาดเพราะผู้นำเข้าลดการนำเข้า ตนจึงต้องปรับโครงสร้างราคาใหม่ให้สอดคล้องกับต้นทุนมากขึ้น ทำให้ปริมาณปุ๋ยเริ่มเข้ามาและขณะเดียวกันจัดให้ผู้นำเข้าปุ๋ยของเราพบกับซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นบริษัทผู้ส่งออกปุ๋ยรายใหญ่ ขายราคามิตรภาพ ตั้งเป้านำเข้า 800,000 ตัน ตอนนี้นำเข้าได้แล้ว 300,000 กว่าตัน ตอนนี้แก้เรื่องของขาดเป็นหลักประกันว่าปุ๋ยจะไม่ขาดและเจรจากับรัสเซียในตอนนี้ที่จะนำเข้าปุ๋ยราคาพิเศษ แต่ยังติดปัญหานำเข้าไม่ได้
ซึ่งราคาปุ๋ยขึ้นอยู่กับสถานการณ์โลก คือสงครามรัสเซีย-ยูเครน หากเบาบางลงและหยุดเมื่อไหร่ สถานการณ์จะผ่อนคลายได้มากทั้งโลกเหมือนกันหมดตอนนี้เราอยู่ในส่วนหนึ่งของโลกได้รับผลกระทบ ตนเห็นใจช่วงที่ผ่านมาเราถึงพยายามเข้าไปช่วยดูรายได้ของเกษตรกรให้พืชเกษตรราคาดีชดเชยราคาปุ๋ยที่แพงขึ้นพืชเกษตรต้องยอมรับว่าราคาดีทุกตัว