เกษตรกรเมืองชาละวันอำเภอทับคล้อรวมกลุ่มในรูปแบบเกษตรแปลงใหญ่มีทั้งปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์-ทำโรงสีลานตากข้าว-รถเกี่ยวข้าว จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่หวังเติบโตทางเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐ แต่ผวาสรรพากรจ้องเก็บภาษีเงินได้หากมีเงินได้เกิน 1.8 ล้านบาทต้องเข้าระบบภาษีมูลค่าเพิ่มจึงวอนภาครัฐหาทางช่วยยกเว้นภาษีให้เกษตรกรด้วย
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายไพฑูรย์ แก้วทอง อดีต รมต.แรงงาน (ที่ปรึกษาอาวุโสพรรคประชาธิปัตย์)พร้อมด้วย ส.ส.วิรัตน์ วิริยะพงษ์ จ.สุโขทัย , ส.ส.สงกรานต์ จิตสุทธิภากร จ.นครสวรรค์ , ส.ส.นพ.เธียรรัม สุวรรณเพ็ญ จ.เพชรบูรณ์ ได้ร่วมกันลงพื้นที่พบแกนนำกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ของอำเภอทับคล้อเกือบ 400 คน
ที่ลานตากข้าวของกลุ่มเกษตรกรหมู่ 12 ต.เขาทราย อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร โดยมีกลุ่มเกษตรกรที่รวมตัวกันทำการเกษตรแปลงใหญ่มีทั้ง ปลูกพืช-เลี้ยงสัตว์-ทำลานตากข้าว-โรงสีชุมชน จำนวน 10 กลุ่ม ที่ได้รับงบประมาณ ปี 64 สนับสนุนการดำเนินการเกษตรแปลงใหญ่ได้เงินเป็นจำนวน 28 ล้านบาทเศษ โดยแต่ละกลุ่มนำไปจัดหา-จัดซื้อรถเกี่ยวข้าว-รถแทรกเตอร์-โดรนเพื่อฉีดพ่นสารเคมีเพื่อการเกษตร-ทำลานตากข้าวและอื่นๆเพื่อลดต้นทุนในการผลิต
โดย นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ชี้แจงนโยบายต่างๆของรัฐบาลที่ช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรพร้อมตอบข้อซักถามของเกษตรกรในทุกปัญหา สร้างความพึงพอใจให้กับกลุ่มเกษตรกรที่มาร่วมรับฟังนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรที่มีเป้าหมายช่วยเหลือเกษตรกรอย่างแท้จริง
จากนั้น นางวันวิสา มีแก้ว อายุ 45 ปี ประธานแปลงใหญ่อำเภอทับคล้อได้กล่าวฝากปัญหาของเกษตรกรแปลงใหญ่ที่รวมตัวกันเป็นนิติบุคคลเพื่อประกอบธุรกิจการเกษตรของกลุ่ม ซึ่งแต่ละกลุ่มมีสมาชิกและพื้นที่ทำการเกษตรเป็นจำนวนเกือบพันไร่ในแต่ละกลุ่มซึ่งต้องมีรายรับและต้องพยายามให้มีรายรับให้มากที่สุดมีรายจ่ายให้น้อยที่สุดเพื่อให้กลุ่มมีกำไรจะได้นำกำไรนั้นแบ่งปันให้กับสมาชิกในกลุ่ม แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ในแต่ละกลุ่มเกรงว่าหากมีรายได้มากเกิน 1.8 ล้านบาท
ก็จะต้องถูกเก็บภาษีและต้องเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งต้องทำบัญชีรับ-จ่าย ยื่นต่อสรรพากร ซึ่งเป็นเรื่องที่ยุ่งยากเพราะเกษตรกรจะขาดความรู้ดังนั้นจึงอยากวอนถึงรัฐบาลขอให้หาวิธีลดหย่อนหรือเว้นภาษีให้กับกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ในช่วงที่เริ่มต้นธุรกิจสักระยะหนึ่งก่อน ซึ่งหลังจากกลุ่มมีความมั่นคงพวกเรากลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ก็พร้อมที่จะเป็นพลเมืองดีจ่ายภาษีให้กับรัฐเพื่อนำมาพัฒนาประเทศต่อไปอีกด้วย
สิทธิพจน์ พิจิตร